"...นายประจวบ มาจากสายเอกชน ระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน เมื่อสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์พบว่า เคยมีตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ยืนใบลาออกในช่วงเดือนกันยายน 2552 ระบุเหตุผลว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความกดดันภายในองค์กร ซึ่งทำให้นโยบายต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังเคยมีตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัททีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) TT&T ด้วย ..."
การประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน เพื่อคัดเลือกผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ 1.พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 2.นายวิทยา อาคมพิทักษ์ และ 3.นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ที่พ้นจากตำแหน่งจากการครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุม มีมติเลือก ผู้สมัครเข้ารับการสรรหา ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายประกอบ ลีละเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ แทน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
2.นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 2 แทน นายวิทยา อาคมพิทักษ์
3.นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน แทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การคัดเลือก นายประกอบ ลีละเปสนันท์ และ นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง มีการลงคะแนนเสียง 3 รอบ ถึงได้คะแนน 2 ใน 3 ส่วน นายประจวบ ตันตินนท์ มีการลงคะแนน 2 รอบ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.ใหม่ ทั้ง 3 รายดังกล่าว มีการประชุมต่อเนื่องถึง 2 วัน คือ วันที่ 3 และ 4 มี.ค.2568
สาระสำคัญของการประชุมทั้ง 2 วัน เป็นการรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ในการทำหน้าที่กรรมการ ป.ป.ช.ของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาและการตอบคำถามกรรมการสรรหาฯ หลังจากกรรมการรับฟังครบทุกคนแล้ว ได้มีการให้ลงคะแนนเลือกบุคคลที่กรรมการสรรหาเห็นว่ามีความเหมาะสม
โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญว่า กรรมการสรรหาเลือกแทนกรรมการที่หมดวาระได้คราวละ 1 คน โดยเปิดเผย หากรอบแรกยังไม่มีผู้ได้คะแนนถึง 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาฯ ( 6 คะแนน ) ให้ลงคะแนนเลือกในรอบที่ 2 โดยเลือกเฉพาะผู้ที่ได้คะแนนในรอบแรก และหากยังไม่มีผู้ใดได้คะแนนถึง 6 คะแนนในรอบที่ 2 ก็ให้ลงคะแนนรอบที่ 3 เป็นรอบสุดท้าย ซึ่งหากยังไม่มีผู้ได้คะแนนถึง 6 คะแนนอีก ต้องดำเนินการสรรหาใหม่
ขณะที่ในการสรรหาครั้งนี้ มีผู้สมัครมาแสดงวิสัยทัศน์ จำนวน 33 คน เปิดให้แสดงวิสัยทัศน์วันที่ 3 มี.ค.2568 จำนวน 23 คน วันที่ 4 มี.ค.2568 จำนวน 10 คน ก่อนที่จะมีการลงมติเลือกในวันที่ 4 มี.ค.2568
@ การลงคะแนนเลือกกรรมการ ป.ป.ช. แทนพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ มี 3 รอบ
รอบแรก
- นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้ 3 คะแนน
- พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ 3 คะแนน
- นายวันชัย คงเกษม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ 1 คะแนน
- นายปรีชา พงษ์พานิช อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 และสำนักงานคดีศาลสูงภาค 1 ได้ 1 คะแนน
- ศ.สหธน รัตนไพจิตร ศาสตราจาย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ 1 คะแนน
รอบสอง
- นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้ 4 คะแนน
- พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ 3 คะแนน
- ศ.สหธน รัตนไพจิตร ศาสตราจาย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ 2 คะแนน
รอบสาม
- นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้ 8 คะแนน
- ศ.สหธน รัตนไพจิตร ศาสตราจาย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ 1 คะแนน
เท่ากับว่า นายประกอบ ลีนะเปสนะ ได้รับคะแนนเกินกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาฯที่มีอยู่ จึงถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการปปช.แทนพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
@ การลงคะแนนเลือกกรรมการแทนนายวิทยา อาคมพิทักษ์ มี 3 รอบ เช่นกัน
รอบแรก
- นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 2 ได้ 2 คะแนน
- พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ 1 คะแนน
- นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน ได้ 1 คะแนน
- นายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ 1 คะแนน
- นายวันชัย คงเกษม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ 1 คะแนน
- นายวิฑูลรย์ ศิริวิโรจน์ ทนายความ ได้ 1 คะแนน
- นายธัญญา เนติธรรมกุล อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช , อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ 1 คะแนน
- นายปุณณะ จงนิมิตสถาพร อดีตประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลฏีกา ได้ 1 คะแนน
รอบสอง
- นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 2 ได้ 3 คะแนน
- พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ 3 คะแนน
- นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน ได้ 1 คะแนน
- นายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ 1 คะแนน
- นายวิฑูลรย์ ศิริวิโรจน์ ทนายความ ได้ 1 คะแนน
รอบสาม
- นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 2 ได้ 8 คะแนน
- พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ 1 คะแนน
เท่ากับว่า นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง ได้รับคะแนนเกินกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาฯที่มีอยู่ จึงถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการปปช.แทนนายวิทยา อาคมพิทักษ์
@ การลงคะแนนเลือกกรรมการแทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ มี 2 รอบ
รอบแรก
- นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน ได้ 4 คะแนน
- นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ 3 คะแนน
- นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้ 2 คะแนน
รอบสอง
- นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน ได้ 6 คะแนน
- นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ 3 คะแนน
เท่ากับว่า นายประจวบ ตันตินนท์ ได้รับคะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาฯที่มีอยู่ จึงถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการปปช.แทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ในการลงคะแนน เลือก นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ และ นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง ต้องมีการลงคะแนนถึง 3 รอบ กว่าจะได้รับการคัดเลือก ขณะที่คะแนนที่ได้รับในรอบแรก เท่ากับผู้สมัครบางราย ก่อนที่จะได้รับคะแนน ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ในรอบที่สาม คู่แข่งคนสำคัญได้แก่ ศ.สหธน รัตนไพจิตร ศาสตราจาย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
@ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง
ส่วนนายประจวบ ตันตินนท์ ได้รับคะแนนมากที่สุดตั้งแต่การลงคะแบบรอบแรก ก่อนที่จะได้รับคะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ในรอบที่สอง คู่แข่งคนสำคัญได้แก่ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
โฟกัสข้อมูลในส่วนสถานะของ นายประกอบ ลีละเปสนันท์ นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง และนายประจวบ ตันตินนท์ จะพบว่า นายประกอบ มาจากสายผู้พิพากษา มีตำแหน่งเป็นรองประธานศาลฎีกา ส่วนนายเพียรศักดิ์ มาจากสายอัยการ มีตำแหน่งเป็น อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 2
ขณะที่ นายประจวบ มาจากสายเอกชน ระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน
เมื่อสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์พบว่า เคยมีตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ยืนใบลาออกในช่วงเดือนกันยายน 2552 ระบุเหตุผลว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาความกดดันภายในองค์กร ซึ่งทำให้นโยบายต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังเคยมีตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัททีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) TT&T ด้วย
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเบื้องลึก เกี่ยวกับการลงคะแนนเลือก ว่าที่ กรรมการ ป.ป.ช.ใหม่ ทั้ง 3 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ขั้นตอนต่อไป ทางคณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการเสนอรายชื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอน
บทสรุปสุดท้าย ว่าที่ กรรมการ ป.ป.ช.ใหม่ทั้ง 3 ราย จะผ่านด้านการพิจารณาของวุฒิสภาไปได้หรือไม่
ต้องติดตามดูกันต่อไปแบบห้ามกะพริบตาโดยเด็ดขาด