ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 1 พิพากษาลงโทษคดีใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต จำคุก 3 ปี 4 เดือน 'ภัทรพล จำปารัตน์' อดีตนายก อบต.บางแก้ว แต่รอลงอาญา 2 ปี พวก 2 ราย โดนโทษด้วย หลัง ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง ล่าสุดช่วง ก.พ. พบติดชื่อผู้สมัครชิ่งเก้าอี้ นายกเทศบาลเมืองบางแก้วด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำตัดสินในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ฟ้องร้องจำเลย 3 ราย คือ นายภัทรพล จำปารัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)บางแก้ว เป็นจำเลยที่ 1 บริษัทเอ็น.วี.เค การโยธา จำกัด เป็นจำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ กล้าหาญ เป็นจำเลยที่ 3
โดยคำฟ้องคดีนี้ ระบุว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)บางแก้ว มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว ให้เป็นไปตามกฎหมายนโยบาย แผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ข้อบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการรวมทั้งสั่งอนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการขององค์การบริหารส่วนตำบล ตามมาตรา 59 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อํานาจในตําแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนัก ที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คําให้การและทางนําสืบของจําเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุกจําเลยที่ 1 มีกําหนด 3 ปี 4 เดือน และปรับ 60,000 บาท ปรับจําเลยที่ 2 เป็นเงิน 13,333.33 บาท จําคุกจําเลยที่ 3 มีกําหนด 2 ปี 2 เดือน 20 วัน และ ปรับ 13,333.33 บาท
ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จําเลยที่ 1 และจําเลยที่ 3 เคยได้รับโทษจําคุก มาก่อน ประกอบกับจําเลยที่ 1 กับจําเลยที่ 2 โดยจําเลยที่ 3 ได้ตกลงกันให้ปรับลดปริมาณงาน และ ค่าจ้างตามสัญญาจ้างแล้ว อันเป็นการบรรเทาความเสียหายต่อเทศบาลตําบลบางแก้ว
เห็นสมควร ให้โอกาสจําเลยที่ 1 กับที่ 3 กลับตัวเป็นพลเมืองดีเพื่อทําประโยชน์ให้สังคมต่อไป โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 เนื่องจากคดีนี้ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจําคุกจําเลยที่ 1 คําขอให้นับโทษต่อให้ยก
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายภัทรพล จำปารัตน์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีกล่าวหาโครงการถมดินบริเวณพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 8 จำนวนเงิน 11,650,000 บาท ตามสัญญาเลขที่ 1/2556 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555
เบื้องต้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติที่จะไม่อุทธรณ์สู้คดี
นอกจากนี้ นายภัทรพล เคยปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในกลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองและข้าราชการท่องถิ่น รวมจำนวน 45 ราย ลอตแรก ที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ และโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 58 ด้วย
ขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์เทศบาลเมืองบางแก้ว (เดิมเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว) ลงประกาศว่านายภัทรพลเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศบาลเมืองบางแก้ว ในเบอร์ 2 ลงประกาศ ณ วันที่ 14 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา