หลัง 'อิศรา' ตีข่าว ป.ป.ช.แก้ไขฐานข้อมูลเปิดรายละเอียดข้อกล่าวหาคดีชี้มูล ขรก.-เจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ประเดิมโชว์หลายคดี 'ศิรินทรา คมจิตร' อดีตผู้ช่วยเจ้าพนักงานพัสดุ อบต.บึงนคร ประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินค่าลงทะเบียนอบรมหลักสูตร- 'โบว์แดง ทาแก้ว' นายช่างชลประทานอาวุโส เรียกรับเงินผู้ขาย แลกตรวจรับงาน- คกก.ชุดใหญ่ มติเอกฉันท์ชี้มูลอาญา-วินัยร้ายแรง
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหาและชี้มูลความผิดข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐหลายคดีแต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อกล่าวหาให้สาธารณชนได้รับทราบแต่อย่างใด
- ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตนายทหารวิทยาลัยการทัพบก เรียกรับเงิน 3 กรณี - แต่ไม่เปิดข้อกล่าวหา
- บิ๊กลอต! ป.ป.ช.เปิดมติชี้มูลขรก-จนท.รัฐ 22 ราย แต่ไม่บอกข้อกล่าวหาผิดอะไร?
ล่าสุด ในช่วงเช้าวันที่ 25 ก.พ.2568 สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบฐานข้อมูลมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหาและชี้มูลความผิดข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ พบว่า มีการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว
โดยมีคดีที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลสำคัญหลายคดี ได้แก่
1. นางสาวศิรินทรา คมจิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าพนักงานพัสดุ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ถูกกล่าวหายักยอกเงินค่าลงทะเบียนอบรมหลักสูตรพระราชบัญญัติและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมตามหลักสูตรดังกล่าว ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ว่านางสาวศิรินทรา คมจิตร มีมูลทางอาญาตาม ป.อ.มาตรา 147 , 157 , พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 172 , และผิดวินัยร้ายแรง
2. นายโบว์แดง ทาแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายช่างชลประทานอาวุโสสังกัด โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโคกกระเทียม สำนักชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี
ถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากผู้ขายเพื่อแลกกับการตรวจรับงานตามสัญญาซื้อขาย
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ว่านายโบว์แดง ทาแก้ว มีมูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ. มาตรา 149 , 157 , พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 , วินัยร้ายแรง
3. นางสุรัตน์ แก้วบุตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคลัง (ไม่เปิดเผยข้อมูลต้นสังกัด)
ถูกกล่าวหาใช้เอกสารปลอมและรับรองฎีกาเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านเป็นเท็จ
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 5 เสียง ว่านางสุรัตน์ แก้วบุตร มีมูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ.มาตรา 157 , 162(1)(4) , 265 , 268 , 341 , พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91 , วินัยร้ายแรง
4. นายอุดม เชียงบาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลสร้างคอม
ถูกกล่าวหาเรียก รับ หรือยอมจะรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้างหรือตอบแทนการต่อสัญญาจ้างพนักงานตามภารกิจ พนักงานจ้างทั่วไป และพนักงานจ้างเหมาบริการ ของเทศบาลตำบลสร้างคอม ในปี 2564 โดยมิชอบ
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง ว่า นายอุดม เชียงบาล มีมูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ.มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 , พ.ร.บ.ป.ป.ช.มาตรา 172 , 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
อย่างไรก็ดี ในการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหม่นี้ มีหลายคดีที่ถูกระบุว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลแล้ว แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อกล่าวหา ถูกนำออกจากฐานข้อมูลไป อาทิ คดี พันเอกชุติเทพ ราชสีหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายทหารวิทยาลัยการทัพบก กองทัพบก เป็นต้น
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การเผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกกรณีจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเอาไว้ด้วย รวมถึงข้อมูลในส่วนการแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน รวมถึงการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์การเข้าจับกุมผู้ต้องหา ที่หลบหนีคดีความในช่วงที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็มีการเปิดเผยรายละเอียดข้อกล่าวหาการกระทำความผิดเอาไว้ด้วยทุกครั้งด้วย
ขณะที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 36 (3) ว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความเห็นหรือวินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์การกระทํา ความผิด ให้เปิดเผยความเห็นหรือคําวินิจฉัยได้ เว้นแต่จะเปิดเผยชื่อผู้กล่าวหา ผู้แจ้งเบาะแสและ ผู้ซึ่งเป็นพยานมิได้ และต้องไม่กระทบต่อรูปคดีหรือความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้อง