ปปง.สั่งยึดที่ดินเพิ่มอีก 5 แปลงพร้อมบ้านพัก จ.นครสวรรค์ เชียงราย 5.4 ล. คดีอดีต ผจก.สหกรณ์โกรกพระ ปลอมใบรับซื้อข้าวเปลือกกู้เงิน ใช้โฉนดตนเองค้ำ ตีราคาสูงเกินจริง – นำชื่อสมาชิกทำสัญญาเท็จ– ซื้อปั๊มแก๊สแอลพีจีอดีตเมีย 116 ครั้ง เสียหาย 156 ล. ก่อนหน้าโดน 10 รายการ 26.5 ล. เบ็ดเสร็จ 3 ครั้ง 15 รายการ 32 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.10/2568 ลงวันที่ 20 มกราคม 268 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ราย นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด จ.นครสวรรค์ กับพวก ร่วมกันทุจริตทรัพย์สินของสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ ได้รับความเสียหาย ทั้งหมด 116 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน จำนวน 156,590,746 บาท โดยยึดทรัพย์จำนวน 5 รายการ ได้แก่ ที่ดิน ต.บางประมุง อ.โกระพระ 4 แปลง (1 แปลงมีสิ่งปลูกสร้าง)และ ที่ดินใน ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 1 แปลง รวม มูลค่า 5,486,120 บาท (ดูคำสั่งท้ายข่าว)
การยึดทรัพย์คดีนี้เป็นครั้งที่สาม ก่อนหน้านี้ ปปง. มีคำสั่งยึและอายัดทรัพย์นายกุลเกียรติกับพวก 2 ครั้ง เป็นโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจ.นครสวรรค์ 10 รายการ มูลค่า 26,529,800 บาท ได้แก่
1.คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 168/2566 ลงวันที่ 5 กันยายน 2566 ยึดทรัพย์สิน นายกุลเกียรติ กับพวก จำนวน 9 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 25,761,300 บาท
2.คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 3 /2567 ลงวันที่ 9 ม.ค.2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ราย นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือ ที่ดินตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 28060 เลขที่ดิน 357 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 90 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินรวม 768,500 บาท
รวม 3 ครั้ง 15 รายการ มูลค่า 32,015,920 บาท
สำหรับที่มาของคดีมีดังนี้
สืบเนื่องจากระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2563 สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ที่มีนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง เป็นผู้จัดการ ได้มีการปลอมเอกสารในการรับซื้อข้าวเปลือกมีจำนวนสูงมากกว่าที่พ่อค้าข้าวรับซื้อไปจริง แล้วทำสัญญากู้เงินสหกรณ์เพื่อตัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นสัญญากู้เงินปลอมและใช้โฉนดที่ดินของตนเองหรือพรรคพวกมาจำนอง ค้ำประกันเงินกู้ โดยมีการตีราคาที่ดินสูงเกินกว่าราคาประเมินจริงจำนวนมาก ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 88,144,533 บาท
นอกจากนี้ นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก ได้ร่วมกันนำรายชื่อสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด มาทำสัญญากู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด โดยเป็นสัญญาปลอมที่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้กู้ และกรอกข้อมูลเอกสารสัญญากู้เงินปลอมเข้าไปในสารบบการกู้เงินของสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด
จากการสอบสวนพยานผู้เสียหายซึ่งมีรายชื่อในสัญญากู้เงิน ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินและไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินกับสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด แต่อย่างใด ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 61,876,776 บาท และยังพบกรณีการซื้อกิจการปั๊มแก๊สแอลพีจี ซึ่งนางมาลี ศรีสด (อดีตภรรยาของ นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง) ได้เสนอขายปั๊มแก๊สแอลพีจี เป็นเงินจำนวน 36,000,000 บาท ซึ่งต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินพบว่าราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อขายดังกล่าวมีราคารวมจำนวน 18,535,000 บาท และที่ดินแปลงดังกล่าวติดจำนองกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครสวรรค์ จำกัด โดยใช้เป็นหลักประกันหนี้ของนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง จำนวน 15,000,000 บาท
นอกจากนี้ ในการซื้อขายปั๊มแก๊สแอลพีจีดังกล่าวใช้วิธีการนำหนี้เงินกู้ยืมของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด จำนวน 17 สัญญา รวมจำนวน 26,000,000 บาท นำมาตัดกับยอดเงินที่ซื้อปั๊มแก๊สแอลพีจีในงวดแรก อันเป็นการผิดวิสัยของผู้ขายที่ยอมรับยอดหนี้ของสมาชิกที่ค้างชำระกับสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด แทน โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครสรรค์ได้สรุปความเสียหายในส่วนนี้ ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 6,869,537 บาท รวมการกระทำความผิดทั้งหมด 116 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน รวมความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 156,590,746 บาท
คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 61/2564 ลงวันที่ 27 มกราคม 2564 ได้รวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวกในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ เอกสารราชการปลอมและใช้เอกสารสิทธิ อันเป็นเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 265 มาตรา 268 มาตรา 335 (7) และ (1 1) อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ข่าวเกี่ยวข้อง: