พลิกปูมทรัพย์สิน 198 ล้าน! ‘เต้ มงคลกิตติ์-คู่สมรส-อดีตภริยา’ อัพเดตธุรกิจ พบ ‘พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช’ ภริยาคนปัจจุบันนั่ง กก.บริษัทใหม่ 2 แห่ง ผลิตขายอาหารสด ปี 63 รายได้ 207 บ.-ธุรกิจรักษาความปลอดภัย รายได้ 2 ล้านเศษ
.........................................................................................
เป็นนักการเมืองที่แสดง ‘บทบาท’ ในสภาฯมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ‘เต้’ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์
ล่าสุด ออกมาเปิดหน้า ‘ท้าชก’ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เหตุใดเป็นถึง ส.ส. ไม่ใช้หนทางตามสภาฯ และตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับใช้ ‘กำลัง’ แก้ไขปัญหา บางส่วนออกโรงปกป้องนายกรัฐมนตรี ขอขึ้นท้าชกกับนายมงคลกิตติ์แทน?
ก่อนหน้านี้ ‘เต้ มงคลกิตติ์’ เคยออกโรงสนับสนุน ‘บิ๊กตู่’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนจะตัดพ้อขอย้ายเป็น ‘ฝ่ายค้านอิสระ’ ร่วมกับพรรคเล็กบางพรรค ต่อมามีการเคลียร์ใจกันจนกลับมาสนับสนุนรัฐบาลอีกครั้ง กระทั่งเมื่อปี 2563 ประกาศตัดขาดกับรัฐบาลชัดเจน เดินหน้าร่วมกับฝ่ายค้านเต็มตัว
ข้อมูลในมุมทรัพย์สิน นายมงคลกิตติ์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 แจ้งมีคู่สมรส 2 ราย มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 198,159,536 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 19,519,437 บาท
แบ่งเป็นของนายมงคลกิตติ์ 180,546,539 บาท เป็นเงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก+เวนคืนกรมธรรม์ 273,923 บาท เงินให้กู้ยืม 4,301,015 บาท ที่ดิน 13.8 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6.2 ล้านบาท รถยนต์ 4.6 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน (หุ้น) 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 147,971,500 บาท มีหนี้สิน 14,517,527 บาท
ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ เช่น พระกริ่งปวเรศทองคำ หนัก 3 บาท มูลค่า 50 ล้านบาท พระร่วงหลังรางปืน จ.สุโขทัย เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 12 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 30 ล้านบาท พระพุทธชินราชใบเสมา เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 2,540,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆัง เลี่ยมทองคำ 1 บาท มูลค่า 40,020,000 บาท พระรอดลำพูน เลี่ยมทองคำ 1 บาท (ฐานบิ่น) มูลค่า 10,020,000 บาท
มีรายได้ (ไม่ระบุว่าเป็นต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง) รวม 6,309,906 บาท เป็นเงินเดือน 1,320,562 บาท ค่าเช่ายานพาหนะ 489,444 บาท ขายหุ้นบริษัทจำกัด 4,499,900 บาท แจ้งรายจ่าย 4,799,544 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์ 1,869,544 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 2.4 แสนบาท ค่าอุปการะมารดา บุตร ธิดา 5.4 แสนบาท เงินช่วยสาธารณะ เงินทำบุญ 1.5 แสนบาท เงินบริจาคพรรคไทยศรีวิไลย์ 2 ล้านบาท
ส่วนนางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช แจ้งทรัพย์สิน 12,349,227 บาท เป็นเงินสด 3 ล้านบาท เงินฝาก 191,441 บาท เงินลงทุน 137,786 บาท ที่ดิน 5,150,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,850,000 บาท รถยนต์ 1.1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 9.2 แสนบาท มีหนี้สิน 4,651,285 บาท
ส่วนทรัพย์สินอื่นของ น.ส.พัทธนันท์ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ เหรียญกษาปณ์โบราณ ธนบัตรโบราณ รวมถึงสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล 2 ตัว
มีรายได้ 5,522,786 บาท เป็นเงินเดือน 1,650,000 บาท ค่าจัดหาบุคลากร 1.8 แสนบาท ค่าเลี้ยงดู 3.6 แสนบาท ค่าเช่ายานพาหนะ 315,324 บาท ค่าเช่าบ้าน 645,400 บาท ขายหุ้นบริษัท 1,989,000 บาท ขายหุ้น SISB 68,062 บาท รายจ่าย 3,200,724 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์ 960,724 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3.6 แสนบาท ค่าอุปการะ มารดา บุตร ธิดา 8.4 แสนบาท เงินช่วยสาธารณะ ทำบุญ 1 แสนบาท เงินบริจาคพรรคไทยศรีวิไลย์ 3 แสนบาท ค่าประกัน ค่าจิปาถะ 6.4 แสนบาท
ส่วน น.ส.ภคอร จันทรคณา มีทรัพย์สิน 5,263,770 บาท เป็นเงินสด 5 แสนบาท เงินฝาก 62,720 บาท เงินให้กู้ยืม 3 แสนบาท ที่ดิน 2,150,000 บาท รถยนต์ 1,729,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 100 บาท ทรัพย์สินอื่น 521,950 บาทมีหนี้สิน 350,625 บาท
ขณะที่ น.ส.ภคอร แจ้งทรัพย์สินอื่นว่า มีกลุ่มพระเครื่อง ครอบครองอยู่ 6 รายการ เช่น พระเสาร์ 5 รุ่นพระครูไกร วัดหนองกลับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เลี่ยมกรองทองคำ พระพุทธชินราช (องค์สัมฤทธิ์) ปี 2512 เครื่องประดับสตรี อาทิ สร้อยคอเพชรปีกหงส์ ต่างหูเพชรชาแนล
มีรายได้ (ไม่ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง) รวม 2,836,580 บาท เป็นเงินเดือน 1,386,580 บาท ขายหุ้น 1,450,000 บาท มีรายจ่าย 1,636,500 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน 1 หลัง 325,500 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 531,000 บาท ค่าอุปการะมารดา 1.2 แสนบาท ค่าทำบุญ บริจาค 6 แสนบาท ประกันชีวิต 60,000 บาท
นายมงคลกิตติ์ แจ้งในเอกสารประกอบบัญชีทรัพย์สินว่า จดทะเบียนสมรสครั้งแรกเมื่อปี 2552 กับ นางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช ต่อมาหย่ากันในปี 2554 หลังจากนั้นนายมงคลกิตติ์จดทะเบียนกับ น.ส.ภคอร จันทรคณา (ไม่ระบุว่าสมรสกันปีใด) หลังจากนั้นจดทะเบียนหย่าเมื่อปี 2561 และกลับไปจดทะเบียนกับนางพัทธ์นันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช อีกครั้งในปี 2562 อย่างไรก็ดียังแจ้งว่าบัญชีทรัพย์สินของ น.ส.ภคอร ด้วย ทั้งนี้นายมงคลกิตติ์แจ้งอีกว่า มีบุตร 4 คน
นายมงคลกิตติ์ ก่อนหน้านี้เคยเป็น ประธานกรรมการบริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด ส่วนนางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัย (คู่สมรสตามกฎหมาย) ระบุว่า ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด ขณะที่ น.ส.ภคอร จันทรคณา (บุคคลที่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา) ระบุว่า เคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด และรองประธานกรรมการ บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด
(อ้างอิงข้อมูลจากเฟซบุ๊กนายมงคลกิตติ์ : https://www.facebook.com/ajanmongkolkit/posts/5881193121952558)
ในมุมธุรกิจ ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศราเคยรายงานไปแล้วว่า นายมงคลกิตติ์ และคู่สมรสทั้ง 2 ราย เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด บริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด (อ่านประกอบ : หมัดต่อหมัด! ทรัพย์สิน-ธุรกิจ‘สิระ’vs‘มงคลกิตติ์’ก่อนดรามาปะทะคารมฉาวในสภา?)
มาอัพเดตกันบ้าง?
นายมงคลกิตติ์ เคยปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด แต่ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้มีชื่อของ น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช (คู่สมรสคนปัจจุบัน) เป็นกรรมการ
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2564 พบว่า บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 36,971 บาท รายจ่ายรวม 7,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 29,971 บาท
บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด (น.ส.ภคอร จันทรคณา อดีตคู่สมรส เป็นกรรมการรายเดียว) นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 1,014,016 บาท รายจ่ายรวม 555,178 บาท กำไรสุทธิ 458,837 บาท
บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด (น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช คู่สมรสคนปัจจุบัน เป็นกรรมการรายเดียว) นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 39,775 บาท รายจ่ายรวม 71,922 บาท ขาดทุนสุทธิ 32,147 บาท
บริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด (นายสรกฤช จันทรคณา นามสกุลเดียวกับ น.ส.ภคอร เป็นกรรมการรายเดียว) นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 1,837,383 บาท รายจ่ายรวม 2,690,779 บาท ขาดทุนสุทธิ 853,396 บาท
สำนักข่าวอิศราตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอีก 2 แห่ง ได้แก่
1.บริษัท รักษาความปลอดภัย แอพพร็อม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2561 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 59/23 ชั้นที่ 3 หมู่ที่ 2 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด รักษาความปลอดภัย
ปรากฏชื่อ นางสาวพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช เป็นกรรมการรายเดียว
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 2,181,163 บาท รายจ่ายรวม 2,008,736 บาท กำไรสุทธิ 172,426 บาท
2.บริษัท ซิวหัว ไทยบิซ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2563 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 59/23 ชั้นที่ 4 หมู่บ้าน T59 หมู่ที่ 2 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ผลิตและจำหน่ายอาหารสด ทั้งภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ
ปรากฏชื่อ นางสาวพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช เป็นกรรมการรายเดียว
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 207 บาท รายจ่ายรวม 13,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 12,792 บาท
ทั้งหมดคือข้อมูลในมุมทรัพย์สิน-อัพเดตธุรกิจ ‘มงคลกิตติ์-คู่สมรส’ ก่อนเปิดหน้าท้าชก ‘บิ๊กตู่’ อ้างทำเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตอนนี้?
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage