เช็คทรัพย์สิน-ธุรกิจ ‘สิระ เจนจาคะ’ vs ‘มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์’ 2 ส.ส.ดัง ใครอู้ฟู่กว่ากัน? ก่อนดรามาปะทะคารมเดือดจนถูกวิพากษ์วิจารณ์สนั่นสภา ‘ชวน หลีกภัย’ ต้องเรียกเคลียร์ใจรักษาภาพลักษณ์ผู้แทนประชาชน
กำลังเป็นประเด็นโด่งดังร้อนแรงไม่แพ้สถานการณ์ทางการเมือง!
กรณีช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ‘เต้’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แกนนำ ‘กลุ่มพรรคเล็ก’ ปะทะคารมกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สังกัดกลุ่ม ‘3 มิตร’ จนเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2563 สื่อมวลชนหลายสำนักแพร่ภาพคลิปวีดีโอที่นายมงคลกิตติ์ เดินปรี่เข้าไปหานายสิระ จนนายสิระต้องเรียก รปภ. ของสภามาคุ้มกัน ร้อนถึงนายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา ต้องออกโรงหย่าศึก โดยเรียกทั้ง 2 คนมาเคลียร์ เพื่อป้องกันปัญหาภาพลักษณ์ ส.ส. ที่อาจดูไม่ดีในสายตาประชาชน (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/news/politic/1915315)
มาดูในมุมทรัพย์สิน-ธุรกิจของ ส.ส. 2 รายนี้กันบ้าง?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบรายละเอียด ดังนี้
(นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์, ขอบคุณภาพจาก : https://news.mthai.com/)
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 แจ้งมีคู่สมรส 2 ราย มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 198,159,536 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 19,519,437 บาท
แบ่งเป็นของนายมงคลกิตติ์ 180,546,539 บาท เป็นเงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก+เวนคืนกรมธรรม์ 273,923 บาท เงินให้กู้ยืม 4,301,015 บาท ที่ดิน 13.8 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6.2 ล้านบาท รถยนต์ 4.6 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน (หุ้น) 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 147,971,500 บาท มีหนี้สิน 14,517,527 บาท
ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ เช่น พระกริ่งปวเรศทองคำ หนัก 3 บาท มูลค่า 50 ล้านบาท พระร่วงหลังรางปืน จ.สุโขทัย เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 12 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 30 ล้านบาท พระพุทธชินราชใบเสมา เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 2,540,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆัง เลี่ยมทองคำ 1 บาท มูลค่า 40,020,000 บาท พระรอดลำพูน เลี่ยมทองคำ 1 บาท (ฐานบิ่น) มูลค่า 10,020,000 บาท
มีรายได้ (ไม่ระบุว่าเป็นต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง) รวม 6,309,906 บาท เป็นเงินเดือน 1,320,562 บาท ค่าเช่ายานพาหนะ 489,444 บาท ขายหุ้นบริษัทจำกัด 4,499,900 บาท แจ้งรายจ่าย 4,799,544 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์ 1,869,544 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 2.4 แสนบาท ค่าอุปการะมารดา บุตร ธิดา 5.4 แสนบาท เงินช่วยสาธารณะ เงินทำบุญ 1.5 แสนบาท เงินบริจาคพรรคไทยศรีวิไลย์ 2 ล้านบาท
ส่วนนางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัย แจ้งทรัพย์สิน 12,349,227 บาท เป็นเงินสด 3 ล้านบาท เงินฝาก 191,441 บาท เงินลงทุน 137,786 บาท ที่ดิน 5,150,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,850,000 บาท รถยนต์ 1.1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 9.2 แสนบาท มีหนี้สิน 4,651,285 บาท
ส่วนทรัพย์สินอื่นของ น.ส.พัทธนันท์ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ เหรียญกษาปณ์โบราณ ธนบัตรโบราณ รวมถึงสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล 2 ตัว
มีรายได้ 5,522,786 บาท เป็นเงินเดือน 1,650,000 บาท ค่าจัดหาบุคลากร 1.8 แสนบาท ค่าเลี้ยงดู 3.6 แสนบาท ค่าเช่ายานพาหนะ 315,324 บาท ค่าเช่าบ้าน 645,400 บาท ขายหุ้นบริษัท 1,989,000 บาท ขายหุ้น SISB 68,062 บาท รายจ่าย 3,200,724 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์ 960,724 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3.6 แสนบาท ค่าอุปการะ มารดา บุตร ธิดา 8.4 แสนบาท เงินช่วยสาธารณะ ทำบุญ 1 แสนบาท เงินบริจาคพรรคไทยศรีวิไลย์ 3 แสนบาท ค่าประกัน ค่าจิปาถะ 6.4 แสนบาท
ส่วน น.ส.ภคอร จันทรคณา มีทรัพย์สิน 5,263,770 บาท เป็นเงินสด 5 แสนบาท เงินฝาก 62,720 บาท เงินให้กู้ยืม 3 แสนบาท ที่ดิน 2,150,000 บาท รถยนต์ 1,729,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 100 บาท ทรัพย์สินอื่น 521,950 บาทมีหนี้สิน 350,625 บาท
ขณะที่ น.ส.ภคอร แจ้งทรัพย์สินอื่นว่า มีกลุ่มพระเครื่อง ครอบครองอยู่ 6 รายการ เช่น พระเสาร์ 5 รุ่นพระครูไกร วัดหนองกลับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เลี่ยมกรองทองคำ พระพุทธชินราช (องค์สัมฤทธิ์) ปี 2512 เครื่องประดับสตรี อาทิ สร้อยคอเพชรปีกหงส์ ต่างหูเพชรชาแนล
มีรายได้ (ไม่ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง) รวม 2,836,580 บาท เป็นเงินเดือน 1,386,580 บาท ขายหุ้น 1,450,000 บาท มีรายจ่าย 1,636,500 บาท เป็นค่าผ่อนบ้าน 1 หลัง 325,500 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 531,000 บาท ค่าอุปการะมารดา 1.2 แสนบาท ค่าทำบุญ บริจาค 6 แสนบาท ประกันชีวิต 60,000 บาท
นายมงคลกิตติ์ แจ้งในเอกสารประกอบบัญชีทรัพย์สินว่า จดทะเบียนสมรสครั้งแรกเมื่อปี 2552 กับ นางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช ต่อมาหย่ากันในปี 2554 หลังจากนั้นนายมงคลกิตติ์จดทะเบียนกับ น.ส.ภคอร จันทรคณา (ไม่ระบุว่าสมรสกันปีใด) หลังจากนั้นจดทะเบียนหย่าเมื่อปี 2561 และกลับไปจดทะเบียนกับนางพัทธ์นันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช อีกครั้งในปี 2562 อย่างไรก็ดียังแจ้งว่าบัญชีทรัพย์สินของ น.ส.ภคอร ด้วย ทั้งนี้นายมงคลกิตติแจ้งอีกว่า มีบุตร 4 คน
(บางห้วงบางตอนในการปะทะคารมกันระหว่างนายมงคลกิตติ์ และนายสิระ, ขอบคุณภาพจาก : https://mpics.mgronline.com/)
นายมงคลกิตติ์ ก่อนหน้านี้เคยเป็น ประธานกรรมการบริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด ส่วนนางพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัย (คู่สมรสตามกฎหมาย) ระบุว่า ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด ขณะที่ น.ส.ภคอร จันทรคณา (บุคคลที่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา) ระบุว่า เคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด และรองประธานกรรมการ บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด
บริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2546 ทุนปัจจุบัน 5,650,000 บาท แจ้งประกอบธุรกิจจัดหา จัดจ้างอาจารย์สอนพิเศษ รับสอนพิเศษ ตั้งอยู่ที่ 439 ชั้น 2 ถ.บอนด์สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ปรากฏชื่อ น.ส.ภคอร จันทรคณา เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 5,290,036 บาท รายจ่ายรวม 5,610,358 บาท ขาดทุนสุทธิ 320,321 บาท
บริษัท เอกลักษณ์สมุนไพรไทย จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2558 ทุนปัจจุบัน 5 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายสมุนไพร ตั้งอยู่ที่เดียวกับบริษัท ที.เอ.อี.มาร์ท กรุ๊ป จำกัด ปรากฏชื่อ น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 37,023 บาท รายจ่ายรวม 7,000 บาท กำไรสุทธิ 30,023 บาท
บริษัท ซัคเซส อินเตอร์เอ็ดเทรน จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2553 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา แนะนำ วางแผน และดำเนินการจัดจ้าง อาจารย์สอนพิเศษ ผู้ชำนาญด้านวิชาการ ตั้งอยู่ที่ 119/396 ม.เพอร์เฟคเพส รัตนาธิเบศร์ 2 ม.2 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.ไทรบ้าน อ.เมือง จ.นนทบุรี ปรากฏชื่อ น.ส.พัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 2,338,729 บาท รายจ่ายรวม 2,156,628 บาท กำไรสุทธิ 182,101 บาท
บริษัท ชีวานันท์ กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2557 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายเครื่องเขียนและหนังสือเรียน ตั้งอยู่ที่ 170/276 ม.1 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปรากฏชื่อนายสรกฤช จันทรคณา เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2562 มีรายได้รวม 229,071 บาท รายจ่ายรวม 193,436 บาท กำไรสุทธิ 35,634 บาท
(นายสิระ เจนจาคะ, ขอบคุณภาพจาก : https://storage.thaipost.net/)
ฝ่ายนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 แจ้งว่ามีคู่สมรส 2 รายเช่นกัน โดยระบุสถานะว่าหย่ากับ น.ส.วิภาวี คุปติมาลาธร พร้อมกับแจ้งมีคู่สมรสอีกรายว่า นางสรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน โดยมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 547,694,338 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,971,601 บาท
แบ่งเป็นของนายสิระ 21,317,960 บาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี 6,243,960 บาท เงินลงทุน 1 รายการ 2,380,000 บาท ที่ดิน 2,350,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,024,000 บาท รถยนต์ 2 คัน 5,450,000บาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 2,870,000 บาท ไม่มีหนี้สิน
มีรายได้ต่อปีรวม 6 แสนบาท เป็นเงินเดือนจาก บริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด ไม่ได้แจ้งรายจ่าย
ส่วนคู่สมรส (มิได้ระบุว่าเป็นของ น.ส.สรัลรัศมิ์ คู่สมรสปัจจุบัน หรือ น.ส.วิภาวี คุปติมาลาธร อดีตคู่สมรส) แจ้งมีทรัพย์สิน 526,376,378 บาท เป็นเงินสด 17.5 ล้านบาท เงินฝาก 37 บัญชี 47,222,417 บาท เงินลงทุน 12 รายการ (ส่วนใหญ่เป็นตราสารในกองทุนธนาคาร และพันธบัตรออมทรัพย์) 38,339,361 บาท เงินให้กู้ยืม 500,000 บาท ที่ดิน 236,955,100 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 162,270,000 บาท รถยนต์ 5 คัน 2,170,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 21,419,500 บาท มีหนี้สิน 4,971,601 บาท
มีรายได้รวมต่อปี 6 แสนบาท เป็นเงินเดือนจากบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด มีรายจ่ายรวม 3,735,298 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าเบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันอัคคีภัย และเบี้ยประกันภัย
สำหรับนายสิระ เคยเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 3 แห่ง เสร็จชำระบัญชีแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไฮ-เทค ออดิโอ จำกัด ทำธุรกิจขายปลีกชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ยานยนต์ และบริษัท สิระลินดาธุรกิจ จำกัด ทำธุรกิจร้านขายปลีกเสื้อผ้า
ขณะที่บริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด (ปัจจุบันไม่มีชื่อนายสิระเป็นกรรมการ) จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2549 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตั้งอยู่ที่ 99/519 ม.2 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ปรากฏชื่อ น.ส.วิภาวดี คุปติมาลาธร เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2561 มีรายได้รวม 9,578,022 บาท รายจ่ายรวม 9,454,953 บาท เสียภาษีเงินได้ 61,034 บาท กำไรสุทธิ 59,373 บาท
ทั้งหมดคือทรัพย์สิน-ธุรกิจของนายมงคลกิตติ์ และนายสิระ ที่พอจะสืบค้นได้ ก่อนกลายประเด็นดรามาอย่างหนักในสภาผู้แทนราษฎร จนถูกวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยอยู่ในตอนนี้ ?
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage