"...ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบเอกสารหลักฐานการดำเนินงานโครงการฯ นี้ คือ ประกาศสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำหนดราคากลางครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ในโครงการฯ และตารางแสดงวงเงินงบประมาณ ระบุตัวเลขอยู่ที่ 1,735 ล้านบาท ทั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ การปรากฎชื่อ บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด ผู้แทนหลักในกลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็มที ที่ถูกระบุเป็นผู้ชนะโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของการสืบราคากลางด้วย..."
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลที่มาที่ไปโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ วงเงินกว่า 2.1 พันล้านบาท ในนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน กรณีถูกคนร้ายลอบยิงรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมา เชื่อว่าเกิดจากสมัยตนดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. และสั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า (ไบโอเมตริกซ์) พร้อมกับมีหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอให้ยกเลิกโครงการนี้ เนื่องจากเกิดความล่าช้าและส่งงานไม่ทัน
โดยพบว่า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ เป็นหนึ่งในโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) กับกิจการร่วมค้า เอ็มที (มีบริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด เป็นผู้แทนหลัก) ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเมื่อปี 2560 โดยแบ่งระยะงานออกเป็น 6 งวด
(พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล, ภาพจาก the bangkokinsight)
ต่อมาประเด็นนี้ถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ดำเนินการตรวจสอบ ก่อนทำหนังสือพิจารณาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการดังกล่าวถึง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยสรุปคือโครงการดังกล่าวมีความล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผนในการส่งมอบงาน แต่ สตม. กลับขยายระยะเวลาการดำเนินงานออกไป โดยไม่ปรับเอกชน ขณะเดียวกันยังมีการตั้งคำถามถึงเครื่องมือไบโอเมตริกซ์ว่าอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับงบประมาณ 2.1 พันล้านบาท
ภายหลัง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ทำหนังสือพิจารณายกเลิกสัญญาโครงการนี้ต่อ สตม. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมา ‘รับลูก’ ต่อทันทีโดยการยื่นเรื่องร้องเรียนโครงการดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็นหลักคือ
1.การส่งมอบครุภัณฑ์ไบโอเมตริกซ์ ที่กำหนดให้เอกชนส่งมอบแก่ สตช. ภายใน 660 วัน แบ่งออกเป็น 6 งวดนั้น พบว่า งวดที่ 1 เลยกำหนดการส่งมอบ 30 วัน งวดที่ 2 เลยกำหนดการส่งมอบ 106 วัน งวดที่ 3 เลยกำหนดการส่งมอบ 177 วัน งวดที่ 4 เลยกำหนดการส่งมอบกว่า 9 เดือน ขณะที่งวดที่ 5 ต้องส่งมอบภายในวันที่ 4 ต.ค. 2561 และงวดที่ 6 ต้องส่งมอบภายในวันที่ 2 พ.ค. 2562 อย่างไรก็ดีนายษิทรา อ้างว่า ในช่วงที่ไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ยังไม่มีการส่งมอบงานงวดที่ 5 และ 6 แต่อย่างใด
2.ประสิทธิภาพในการทำงานของครุภัณฑ์ไบโอเมตริกซ์ นายษิทรา ระบุว่า โครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร รวมถึงมีการรายงานปัญหาดังกล่าวไปยังบริษัทคู่สัญญา แต่ไม่ได้มีการแก้ไขใด ๆ นอกจากนี้ในการส่งมอบงานบางงวดเอกชนยังไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดนัด แต่ สตช. เซ็นตรวจรับงานให้ก่อน เพื่อไม่ให้เอกชนเสียเงินค่าปรับวันละ 5 ล้านบาท (อ่านประกอบ : เจาะปม 'บิ๊กโจ๊ก' แฉซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ สตม 2.1 พันล. ป.ป.ช.ลุยสอบ-สะเทือน ผบ.ตร.?)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบเอกสารหลักฐานการดำเนินงานโครงการฯ นี้ คือ ประกาศสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กำหนดราคากลางครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ในโครงการฯ และตารางแสดงวงเงินงบประมาณ ระบุตัวเลขอยู่ที่ 1,735 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ การปรากฎชื่อ บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด ผู้แทนหลักในกลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็มที ที่ถูกระบุเป็นผู้ชนะโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า หรือ ‘ไบโอเมตริกซ์’ เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของการสืบราคากลางด้วย (ดูเอกสารประกอบท้ายเรื่อง)
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข้อมูลไปแล้วว่า บริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2546 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 19 ซ.รามคำแหง 11 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. แจ้งประกอบธุรกิจซื้อและจำหน่ายเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และให้เช่าทรัพย์สิน
ปรากฏชื่อ นายศรายุทธ ณ ศิลา น.ส.ปาริชาติ รุ่งกำจัด น.ส.พิมพ์สุดา พรพิชิตนาวี และนายพงษ์ศักดิ์ ภักดิ์ศรานุวัต เป็นกรรมการ
แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2561 มีรายได้รวม 638,408,430 บาท รายจ่ายรวม 582,721,756 บาท เสียภาษีเงินได้ 6,717,618 บาท กำไรสุทธิ 23,116,684 บาท
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา โทรศัพท์ไปยังเบอร์ของบริษัท เอ็มเอสซี สิทธิผล จำกัด เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงการดำเนินงานโครงการ ‘ไบโอเมตริกซ์’ แล้ว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่บริษัทระบุว่า จะแจ้งให้ผู้บริหารรับทราบ และขอเบอร์โทรศัพท์ผู้สื่อข่าวเพื่อให้รอการติดต่อกลับ อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
อ่านประกอบ :
เจาะปม 'บิ๊กโจ๊ก' แฉซื้อเครื่องไบโอเมตริกซ์ สตม 2.1 พันล. ป.ป.ช.ลุยสอบ-สะเทือน ผบ.ตร.?
10 ม.ค.‘บิ๊กโจ๊ก’มาให้ข้อมูล ป.ป.ช.ปมไบโอเมตริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-บี้สอบ ผบ.ตร. ด้วย
ป.ป.ช.ยังไม่เรียก‘บิ๊กโจ๊ก’ให้ข้อมูลโครงการไบโอแมทริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-สอบคืบ 50%
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/