ปธ.ชมรมประมงพื้นบ้านบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เผยความคืบหน้าข้อร้องเรียนงานก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียแก้ปัญหาน้ำดำในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล มูลค่ากว่า 355 ล้าน ล่าสุด ดีเอสไอ สรุปผลสอบชี้มูล จนท.รัฐ กระทำความผิด ส่งให้ ป.ป.ช.แล้ว เผยชาวบ้านยังเดือนร้อนหนัก ผ่านไป 8 ปี 7 ผวจ. ปล่อยปัญหายืดเยื้อ หวังหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไขด่วน
............................
ข้อร้องเรียนกรณีปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จนเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน และหลายเครือข่ายภาคประชาชนได้มีการร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ให้ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่ามีการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของส่วนราชการในการดำเนินงานโครงการบำบัดน้ำเสียแก้ปัญหาน้ำดำในพื้นที่ตำบลเชิงทะเลมูลค่ากว่า 355 ล้านบาท แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2564 นายรังสรรค์ สาเหร่ ประธานชมรมประมงพื้นบ้านและการท่องเที่ยวอ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้ได้รับทราบว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พบมูลการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ตามที่ชมรมฯ ร้องทุกข์ไป และเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้โครงการนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองบางเทาได้ เมื่อเจ้าหน้าที่กระทำความผิดต่อหน้าที่หรือปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่ก็จะต้องมีการส่งเรื่องไปยังองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตามกฏหมาย คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) สอบสวนต่อไป
"เรื่องปัญหาน้ำดำในคลองบางเทา สร้างปัญหากับประมงพื้นบ้านอ่าวบางเทา มาเป็นระยะเวลา 8 ปี 7 ผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว แต่แก้ปัญหาไม่ได้ น้ำยังคงมีกลิ่นมีสีดำ ในช่วงร่อยต่อหน้าแล้งหน้าฝน หรือเป็นช่วงหน้าฤดูการท่องเที่ยวมาช่วงปีนี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวก็ยังคงมีปัญหาเรื่องนี้อยู่ ทางชมรมฯ จึงได้ประสานไปยังดีเอสไอเข้ามาสอบสวน เนื่องจากหลายองค์กรร่วมกันร้องเรียนให้ช่วยคลายทุกข์ชาวบ้านชาวประมงพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงนี้ ชาวบ้านมีความจำเป็นต้องยังชีพกับวิถีชีวิตเดิมๆ คือการทำประมงพื้นที่ แต่ต้องมาพบกับปัญหาน้ำดำน้ำมีกลิ่น"
ประธานชมรมประมงพื้นบ้านฯ กล่าวต่อว่า "ในอดีตการก่อสร้างระบบท่อบำบัดน้ำเสียมีปัญหายุบตัวลง เนื่องจากการวางท่อไม่ตรงกับขนาดและวิธีการของระบบบำบัดน้ำเสียที่เขียนไว้ในแบบหรือเขียนไว้ในกระดาษ การคุมงานหละหลวม ส่งผลให้ถนนยุบตัว ผมจึงเอากล้วยไปปลูกกลางถนน เนื่องจากเชื่อว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลตรวจสอบการก่อสร้างจะให้ความสำคัญแก้ปัญหา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ปล่อยยืดเยื้อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และเชื่อว่าหน่วยงานทางปกครองของอำเภอ และจังหวัด ผู้บริหารในยุคปัจจุบันน่าจะไม่มีส่วนได้เสียอีกแล้ว แต่ก็น่าจะให้ความสำคัญลงมาแก้ปัญหาหาทางช่วยชาวบ้านซึ่งเป็นความคาดหวังของผมและพี่น้องประมงพื้นบ้านอ่าวบางเทาอย่างมากในขณะนี้”
ขณะที่ แหล่งข่าวหน่วยงานตรวจสอบ ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทำความผิดต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ โดย ดีเอสไอ สืบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดและส่งสำนวนการสืบสวนไปยัง สำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งตามขั้นตอน ป.ป.ช. จะมีการตั้งอนุกรรมการตั้งเรื่องสืบสวนสอบสวนและส่งสำนวนให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบสำนวน
"คดีนี้เกิดขึ้นในพื้นที่การรับผิดชอบของ ป.ป.ช.ภาค 8 สำนักงาน ป.ป.ช.ก็น่าจะส่งสำนวนไปยังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค 8 เป็นเจ้าของสำนวนดำเนินการต่อไป หากพบการกระทำความผิด ต้องเสนอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด หากมติเสียงส่วนมากชี้มูลความผิด ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นแนวทางทางด้านวินัย และ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องตั้งอนุกรรมการไต่สวนคดีอาญา และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการสำนักคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 8 เพื่อทำความเห็นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อไป"
เรื่องเกี่ยวข้อง:
ไขปมร้อน อบต.เชิงทะเล สร้างบ่อบำบัด 355ล. เสร็จปี 60 แต่ไม่เดินเครื่องทำนิเวศน์ทะเลพังจริงหรือ?
ยื่น ป.ป.ช. สอบ อบต.เชิงทะเล สร้างบ่อบำบัด 355ล.เสร็จปี 60 แต่ไม่เดินเครื่องทำนิเวศน์ทะเลพัง
ชาวหาดสุรินทร์ ร้องสอบรัฐทุ่ม 355ล. สร้างบ่อบำบัดน้ำเสียแต่ไม่เดินเครื่อง ทำนิเวศน์ทะเลพัง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage