ห่วง ป.ป.ช. ช้า! ชาวหาดสุรินทร์ ยื่น 'DSI- ปปท.- สตง.' ลุยสอบบ่อบำบัด อบต.เชิงทะเล 355 ล.

เผยความคืบหน้ากรณี อบต.เชิงทะเล สร้างบ่อบำบัดน้ำเสียงบประมาณ 355 ล้าน เสร็จปี 60 แต่ไม่เดินเครื่อง ทำนิเวศน์ทะเลพัง! เครือข่ายชุมชนอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน ลุยยื่น'ดีเอสไอ- ปปท.- สตง.' ตรวจสอบด้วย หลังยื่น ป.ป.ช.ไปแล้ว แต่กลัวทำงานไม่รวดเร็ว ชี้โครงการส่อไม่โปร่งใส จนท.รัฐไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมด

8มย62 ACOV ht

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้ากรณีนายดนัย ยาดี ตัวแทนจากเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง และ นายจรูญ เกิดดำ ตัวแทนจากเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน เดินทางเข้ายื่นหนังสื่อ เลขที่ 9/2562 ลงวันที่ 21 พ.ค. 2562 ต่อ นายปรีชานัน พุ่มเล็ก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณ 355,878,802 บาท จัดซื้อจัดจ้างในการดำเนินการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียที่บ้านบางเทาและบ้านหาดสุรินทร์ ของ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ว่ามีกระบวนการหรือขั้นตอนที่ทำให้รัฐและประชาชนเสียประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียดำเนินการเสร็จนานนับปีแล้ว แต่ไม่เดินเครื่องทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้

ขณะที่ นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่า การก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าว สร้างเสร็จเมื่อปี 2560 แต่ที่ไม่ได้ดำเนินการเป็นเพราะว่า ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหาเอกชนมาดำเนินการและดูแลระบบบำบัดก่อน ซึ่ง อบต.เชิงทะเล ได้ประกาศเชิญชวนจัดซื้อจัดจ้างหาผู้รับจ้างเข้ามาดูแลระบบดังกล่าวถึง 4 ครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดประสงค์จะเข้าเสนอราคา ทำให้ไม่สามารถเดินเครื่องบำบัดได้ ซึ่งต่อมาได้ปรึกษา องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) และได้เสนอความประสงค์ที่จะให้ อจน. เข้ามาดูแลระบบบำบัด แต่ต่อมา อจน. แจ้งว่า ยังไม่พร้อมดำเนินการ อบต.เชิงทะเล จึงได้ประกาศจัดซื้อจัดจ้างหาเอกชนเข้ามาดูแลระบบบำบัดไปก่อน ซึ่งทำสัญญาและดำเนินการเดินระบบไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 ก.ย. 2562 โดยก่อนหน้านี้ มีการตรวจสอบและซ่อมแซมระบบบำบัดไปแล้ว” (อ่านประกอบ : ชาวหาดสุรินทร์ ร้องสอบรัฐทุ่ม 355ล. สร้างบ่อบำบัดน้ำเสียแต่ไม่เดินเครื่อง ทำนิเวศน์ทะเลพัง , ยื่น ป.ป.ช. สอบ อบต.เชิงทะเล สร้างบ่อบำบัด 355ล.เสร็จปี 60 แต่ไม่เดินเครื่องทำนิเวศน์ทะเลพัง , ไขปมร้อน อบต.เชิงทะเล สร้างบ่อบำบัด 355ล. เสร็จปี 60 แต่ไม่เดินเครื่องทำนิเวศน์ทะเลพังจริงหรือ?)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา เครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เครือข่ายประมงพื้นบ้าน เครือข่ายชุมชนชายฝั่ง เครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน นำโดย นายดนัย ยาดี และนายจำรูญ เกิดดำ ได้เดินทางไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ช่วยตรวจสอบการบริหารงานของ อบต.เชิงทะเล

ระบุเนื้อหาสำคัญว่า ตั้งแต่ปลายปี 2554 ถึงปัจจุบัน มีการดำเนินการก่อสร้างที่อาจส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะในโครงการระบบบำบัดน้ำเสียรวมพื้นที่ ต.เชิงทะเล รวมวงเงิน 355 ล้านบาท ซึ่งหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ยังไม่สามารถดำเนินการเดินระบบบำบัดให้มีประสิทธิ์ภาพ มีน้ำเน่าดำไหลลงทะเล ต่อมามีการซื้อรถดูดโคลน 12 ล้านบาท แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ กระทั่งพยายามจะก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่น โดยไม่มีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้ชุมชนออกมาคัดค้าน และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีคำสั่งระงับการก่อสร้างในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังปล่อยให้มีการบุกรุกชายหาดส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทะเล และมีการว่าจ้างอดีตข้าราชการ ที่คณะกรรมการองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดภูเก็ต มีมติให้ออกจากราชการ ตามความเห็นชี้มูลความผิดของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูลตามพระราชบัญญัติการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เครือข่ายฯ ได้ยืนหนังสื่อต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ นายอังกูร ปัญญาจิรภาส ผู้อำนวยการกลุ่มงานปราบปรามการทุจริต 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐเขตพื้นที่ 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้เดินทางไปยืนหนังสือร้องทุกข์ต่อ นายสมพล สมเกียรติกุล ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 13 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ

นายดนัย เปิดเผยว่า "การยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตภาครัฐ เป้าหมายเพื่อให้องค์กรตรวจสอบและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้ทำหน้าที่ตรวจ อบต.เชิงทะเล ซึ่งหลังจากยืน ป.ป.ช.จังหวัดภูเก็ตแล้ว ก็ยังไม่มั่นใจว่าการตรวจสอบจะรวดเร็ว ซึ่งเป็นห่วงว่า หากมีการทำลายพยานหลักฐาน รัฐจะเสียหายมากกกว่าที่เป็นอยู่ และเป็นความสงสัยของกลุ่มเครือข่ายที่น่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย ระบบนิเวศน์ทะเลเสียหาย ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งที่หน่วยงานท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐควรจะอนุรักษ์ต้นทุนทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศและเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวของโลก"

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/