2 พรรคการเมือง ‘ปชป.-ภูมิใจไทย’ ทำบุญวันก่อตั้ง 6 เม.ย. 66 ‘จุรินทร์’ อ้อนคนที่เคยเลือกและไม่เคย กลับมาเลือก ปชป.สักครั้ง ด้าน ‘ภูมิใจไทย’ ตอบกรณีฟ้องศาลแพ่งสั่ง ‘ชูวิทย์’ ห้ามโจมตีด้อนค่าปมกัญชา เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 เมษายน 2566 เป็นวันครบรอบการก่อตั้ง 2 พรรคการเมืองสำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ มีอายุครบ 77 ปี และพรรคภูมิใจไทย มีอายุครบ 15 ปี
สำหรับบรรยากาศการจัดพิธีทำบุญครบรอบ 77 ปี ของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สำหรับในช่วงของการเลือกตั้ง ตนในฐานะผู้บริหารพรรค ก็จะต้องนำทัพประชาธิปัตย์เข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมาถึง ซึ่งประชาธิปัตย์มีความพร้อมมาก พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมทั้งหัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
สำหรับการจัดทัพในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จะได้มุ่งเน้นการจัด 3 ทัพ ดังที่ได้ย้ำไปแล้วคือ 1. ทัพหัวหน้าพรรค 2. ทัพเลขาธิการพรรค 3. ทัพอดีตหัวหน้าพรรค ที่จะออกไปหาเสียงทั่วประเทศ และเรามั่นใจว่าผลการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ประชาธิปัตย์จะได้รับเสียงตอบรับดีขึ้นจากพี่น้องประชาชนทุกภาค ทั้งในกรุงเทพฯ เหนือ ใต้ อีสาน กลาง จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของพวกเรา
@วอนช่วยเลือก ปชป.เพื่ออนาคตของประเทศ
“ผมขอถือโอกาสนี้ วิงวอนพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ ได้โปรดช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จากทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ท่านที่เคยเลือกเราคราวที่แล้วขอให้ยืนหยัดสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป สำหรับสมาชิกพรรคที่คราวที่แล้วทิ้งเราไปแต่คราวนี้ขอเรียกร้องให้กลับมาช่วยเรา มาช่วยประชาธิปัตย์ มาช่วยกันจับมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวประชาธิปัตย์ เพื่อพาประชาธิปัตย์ไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ไม่ใช่เพื่อเราแต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนของประเทศไทยของเรา” นายจุรินทร์กล่าว
พร้อมกับยืนยันอีกว่า ประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในอุดมการณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ประเทศเป็นหลักสืบไป ด้วยคน นโยบาย หัวหน้าพรรคที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ และศักยภาพของพวกเราทั้งมวล
@ความเป็นสถาบันทางการเมือง คือ จุดแข็ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงจุดขายที่โดดเด่นของพรรคประชาธิปัตย์คือความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยาวนานถึง 77 ปี มีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า สิ่งนี้คือจุดขายสำคัญ และถ้าประชาชนเลือกเราก็จะไม่ผิดหวัง และไว้ใจได้ เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่อยู่มาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และจะอยู่ต่อไปในอนาคต เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน
“ถ้าลงคะแนนเลือกประชาธิปัตย์ ครั้งหน้าประชาธิปัตย์ก็ยังอยู่ ไม่ว่าจะทำถูก ทำผิด ก็สามารถกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราประกาศออกไป ทวงนโยบาย ทวงความรับผิดชอบ ทวงได้ทุกสิ่งทุกอย่างต่อไป เพราะประชาธิปัตย์ยังอยู่ และทุกอย่างที่เรากำหนดเป็นนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประเทศในการหาเสียงนี้ อยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราคิด เราทำมาแล้ว และตกผลึกมาแล้วทั้งหมด เพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจริงๆ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
@ปัดวิจารณ์แคนดิเดตนายกฯ หาเสียงสัญญาว่าจะให้
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามความเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองหนึ่ง และมีการประกาศนโยบายที่อาจเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และขอไม่วินิจฉัยพรรคอื่น เราทำของเรา โดยขอให้พี่น้องช่วยกันเลือกประชาธิปัตย์ ขอให้สนับสนุนเรา ส่วนพรรคอื่นจะเป็นอย่างไรนั้น ขอไม่ไปพาดพิง เพราะตนเห็นว่าสิ่งนี้เป็นวิธีการหาเสียงที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ
พร้อมกับเพิ่มเติมถึงรูปแบบในการหาเสียงของประชาธิปัตย์ว่าจะไม่มีการพูดถึงพรรคอื่นโดยไม่จำเป็น ยกเว้นกรณีมีการกล่าวพาดพิงในลักษณะที่พรรคเกิดความเสียหาย หรือประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ประชาธิปัตย์ก็ต้องชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ แต่ถ้าอยู่ๆ จะให้ไปพาดพิงโดยไม่จำเป็นนั้นจะไม่ทำ
“เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ขอนำเสนอแต่ทางเลือก คนเราดีกว่าอย่างไร นโยบายดีกว่าอย่างไร แคนดิเดตนายกฯ ของเราสู้คนอื่นได้อย่างไร เป็นนักประชาธิปไตยในวิถีทางที่ประเทศต้องการอย่างไร ประสบการณ์ทั้งด้านบริหารนิติบัญญัติทำมาอย่างไร สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราจะไปบอกกับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก” นายจุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงแผนการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ และการลงพื้นที่หาเสียงทั่วประเทศว่าจะมีขึ้นเมื่อไหร่อย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ได้วางแผนไว้หลายรูปแบบ อย่างน้อย 3 ทัพจะได้ตระเวนไปทั่วประเทศ โดยได้แบ่งพื้นที่ชัดเจนแล้ว บางจังหวัดอาจมีซ้ำกัน แต่บางจังหวัดก็แบ่งกันไป และจะพยายามไปให้ทั่วถึงทั้งประเทศอีกครั้งในช่วงก่อนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งรูปแบบการพบปะพี่น้องประชาชนจะมีทั้งการจัดปราศรัยใหญ่ การปราศรัยย่อย รวมถึงการตระเวนในรูปแบบคาราวานเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ชุมชน และพื้นที่ต่างๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
@ปราศรัยใหญ่ลานคนเมือง พรุ่งนี้ (7 เม.ย.66)
ส่วนการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพมหานคร ที่จะจัดขึ้นที่ลานคนเมืองในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.66) นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ต้องขอเรียนว่า กรุงเทพฯ คือลมหายใจของประชาธิปัตย์ เราหวังว่าเราจะได้เสียงตอบรับที่หายไปจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วกลับคืนมา ทั้งหมดนี้เมื่อดูจากเสียงตอบรับที่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเราไม่เคยทิ้งคนกรุงเทพฯ ไปไหน ยามที่เผชิญวิกฤติโควิดประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่พรรค ที่ลงไปดูแลต่อเนื่อง ด้วยการจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉิน สามารถเตียงให้ผู้ป่วยได้ถึง 5-6,000 เตียง จัดทำข้าวกล่องดิลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน ประชาธิปัตย์ก็จัดมาโดยต่อเนื่องในช่วงเวลาล็อคดาวน์ รวมทั้งถุงน้ำใจ ปชป. ที่เราทำมา ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แม้เราไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ประชาธิปัตย์ก็มาเป็นอันดับ 2 ชนะหลายพรรคการเมืองที่ลงแข่งขัน ได้ ส.ก. ถึง 9 ที่นั่ง และได้ที่ 2 อีก 7 ที่นั่ง ทั้งหมดนี้คือเสียงตอบรับที่ดีขึ้น
“ผมลงพื้นที่ กทม. หลายพื้นที่ ต้องขอพูดซ้ำว่า มีหลายคนวิ่งมากอด แล้วมาบอกว่าขอโทษนะ คราวที่แล้วไม่ได้เลือก แต่คราวนี้ฉันจะช่วยเลือก ผมคิดว่านี่คือสัญญาณที่ดี ไม่ใช่มีคนเดียวแต่มีหลายคนทีเดียว มีหลายพื้นที่และหลายภาค ทั่วประเทศ นี่คือสัญญาณที่ผมขอเรียกร้องถึงท่านที่ทิ้งเราไปคราวที่แล้ว ขอให้กลับมา มาช่วยกันสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสทำเพื่อบ้านเมืองต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
@ยินดี พปชร. ร่วมยินดี เสริมแกร่งพันธมิตรทางการเมือง
ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการวางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ว่า เป็นการนำเสนอให้พี่น้องประชาชนได้เห็นว่า ประชาชนมีทางเลือก และเป็นทางเลือกที่ตั้งใจทุ่มเทที่จะทำงานให้กับประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังลงพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยผู้สมัครก็จะนำเสนอทั้งเบอร์ตัวเอง และเบอร์ 7 ที่เป็นเบอร์ของพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามถึงกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาแสดงความยินดีพร้อมระบุว่า จะจัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณที่มาแสดงความยินดี ซึ่งทั้งภูมิใจไทยและพลังประชารัฐมีความปรารถนาดีต่อกัน วันนี้นายชัยวุฒิมาในนามของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีของพรรคร่วมรัฐบาล ทำงานกันมา 4 ปีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน ถ้ามีอะไรที่เห็นไม่ตรงกันก็ต้องถือว่า ทำงานด้วยกันมา และทำให้บ้านเมืองกับรัฐบาลสิ่งที่ทำให้เห็นคือรัฐบาลมีเสถียรภาพอยู่ครบ 4 ปี
@พึ่งศาล เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย
ส่วนกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หยุดโจมตีพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะนโยบายกัญชา นั้น นายอนุทินกล่าวว่า หลังจากพรรคภูมิใจไทยได้สมัครให้สมาชิกทุกคนได้หมายเลขตัวเองแล้ว และได้หมายเลขของพรรคแล้วความวิตกกังวลต่างๆว่า คุณสมบัติของสมาชิกจะครบหรือไม่ครบก็หายไป ส่วนเรื่องอื่นๆก็เป็นสิทธิ์ไม่ว่าจะของใครก็ตาม ของประชาชน หน่วยงานองค์กรใดๆ ก็ตามถ้า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ก็ต้องพร้อมที่จะชี้แจง เพราะฉะนั้นเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ มีการด้อยค่า มีการทำให้พี่น้องประชาชน รับฟังสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยเราก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามใครพูดได้ ก็ต้องอาศัยบารมีของศาลที่จะให้การคุ้มครองพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า ช่วงสามสิบกว่าวันก่อนการเลือกตั้งนั้น คิดว่ากฎหมายจะเอาคุณชูวิทย์อยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่เป็นไร ขอให้ทุกคนทำตามตามกฎหมาย อีกทั้งกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ระบุเอาไว้อยู่แล้วว่าไม่ให้ผู้ใดพูดจาด้อย ค่าชักจูงประชาชนให้เข้าใจผิดต่อพรรคการเมือง หมายความว่า ใครก็ตามที่พูดด้อยค่า พูดไม่ดี พูดให้คนเกิดความเข้าใจผิด ก็เสมือนกฎหมายหมิ่นประมาท แต่วันนี้ก้าวข้ามจุดนั้นไปแล้ว พรรคลงสมัครแล้ว ได้เบอร์แล้ว ก็มั่นใจในนโยบายของพรรคภูมิใจไทย มั่นใจในผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ตอนนี้โพลของพรรคดีขึ้น แข็งแรง เพราะฉะนั้นเบาใจแล้ว
@เมินชูวิทย์กล่าวหาใช้กม.ปิดปาก
เมื่อถามย้ำว่า นายชูวิทย์ระบุว่าเป็นการใช้ กฎหมายปิดปากประชาชนและจะเดินหน้า โจมตีต่อไป นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตน และสมาชิกลงพื้นที่หาเสียงทุกไม่มีเวลาดู YouTube ส่วนคำสั่งศาลนั้นเราไม่ได้มองว่าเป็นการแพ้ หรือชนะของพรรคภูมิใจไทย แต่เรามองว่าเป็นการปกป้องไม่ให้ใครมาว่ากล่าวให้ร้าย หรือทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดในตัวพรรคการเมืองของเรา เมื่อเราห้ามปากคนไม่ได้เราก็ต้องอาศัยกฎหมายให้ศาลได้มีคำสั่ง เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ไม่ทำตามคำสั่งศาล ก็ต้องถือว่าอำนาจละเมิดอำนาจศาล ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคภูมิใจไทยแล้ว ใครก็ตามที่ละเมิดศาลละเมิดอำนาจกฎหมายที่มีอยู่ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามครรลองของบ้านเมือง การเคารพกฎหมายดีที่สุด