ตรว.ละ 101,965 บาท กคช.ไม่เสียหาย! ผลสอบฉบับรองปลัด พม. ปมขายที่ดินเอื้อเอกชน

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | การทำผิดของเอกชน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ดูเหตุผล กก.สอบสวนชุด ‘อุษณี’รองปลัดกระทรวง พม. ตัดขายที่ดินโครงการพาร์ควิลล์ร่มเกล้า 28.8 ล.ให้ชาวบ้าน เอื้อเอกชน อ้างได้ตารางวาละ 101,965.419 บาท สูงกว่าราคาประเมิน หากเอาไปสร้างอาคารได้ ปย.น้อย สรุปการเคหะฯ ไม่เสียหาย แต่ผิดขั้นตอนให้ว่ากล่าวตักเตือน

picassssssddsdsd23

กรณีการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ตัดขายที่ดินบางส่วนของโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ร่มเกล้า) เนื้อที่ 0-2-83.4 ไร่ ( กว้าง 22 x ยาว 47 เมตร) ให้แก่ชาวบ้าน 8 รายในราคา 28,897,000 บาท อ้างว่า เป็นทางเข้า-ออกที่ดินตาบอด 10 ไร่ ปรากฎว่าหลังจดทะเบียนซื้อขาย ชาวบ้านได้โอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทันที เหตุเกิดในช่วงปลายปี 2558

ผลการสอบสวนของการเคหะฯ มี น.ส.อุษณี กังวารจิตต์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เป็นประธานสรุปว่า การขายที่ดินให้เอกชนไม่ทำตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ไม่ขออนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการฯ พม. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ไม่มีความเสียหาย เห็นควรลงโทษ‘ว่ากล่าวตักเตือน’ 3 คนคือ อดีตผู้ว่าการฯ 1 คน อดีตรองผู้ว่าการฯ 1 คน และผู้บริหารระดับรองผู้ว่าการฯในปัจจุบัน 1 คน ซึ่งรายงานผลการสอบสวนดังกล่าวแม้สวนทางกับรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯชุดนายบัญชา บัญชาดิฐ รองผู้ว่าการฯที่ระบุมีบุคคลอยู่ในข่ายผิด 45 คน ต่อมาปรับลดเหลือ 26 คนก็ตาม แต่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายชัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าฯ กคช.

ในรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯชุดให้เหตุที่ไม่มีความเสียหายไว้หลายประการ(ปรากฎในประเด็นที่ 2 ของรายงานฯ ) สำนักข่าวอิศรา www.isranews,org นำเรียบเรียงมารายงาน ดังนี้

@เช็คราคาประเมินกรมที่ดิน-เอกชนแล้วได้ราคาสูง

ประเด็นที่ 2 กรณีการขายที่ดินดังกล่าวเป็นเหตุให้การเคหะแห่งชาติได้รับความเสียหายหรือไม่ มีผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องใดเข้าข่ายต้องรับผิดในความเสียหายหรือไม่ หรือเข้าข่ายกระทําผิดทางวินัยอย่างไร หรือไม่

การเคหะแห่งชาติได้มีหนังสือ ขอให้สํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาลาดกระบัง ได้ดําเนินการตรวจสอบราคาประเมินโฉนดที่ดินเลขที่ 1382,1394 และ 38981 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาราคาการจัดประโยชน์ ตามหนังสือที่ พม 5143 /2555 ลงวันที่ 18 กันยายน 2557 สํานักงานที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขาลาดกระบัง ได้ดําเนินการตรวจสอบราคาประเมินโฉนดที่ดินเลขที่ 1382,1394, และ 38481 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาราคา การจัดประโยชน์ ดังนี้

(1) โฉนดที่ดินเลขที่ 1382 เลขหน้าสํารวจ 133 เลขที่ 375 เนื้อที่ 17-2-77 ไร่ ราคา ประเมินที่ดิน กรมธนารักษ์) ราคาต่อตารางวาละ 10,000 บาท ราคารวม 70,770,000 บาท

(2) โฉนดที่ดินเลขที่ 1394 เลขหน้าสํารวจ 610 เลขที่ 750 เนื้อที่ 11-3-11 ไร่ ราคา ประเมินที่ดิน กรมธนารักษ์) ราคาต่อตารางวาละ 5,500 บาท ราคารวม 25,910,500 บาท

(3) โฉนดที่ดินเลขที่ 38981 เลขหน้าสํารวจ 383 เลขที่ 1128 เนื้อที่ 18-2-44 ไร่ ราคาประเมินที่ดิน กรมธนารักษ์) ราคาต่อตารางวาละ 17,500 บาท ราคารวม 131,232,500 บาท ตามหนังสือที่ มท 0510.16/4897 ลงวันที่ 26 กันยายน 2557

2. มีการสํารวจราคาขายที่ดินส่วนที่ขาด-เกินโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) และโครงการเอกชน

โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) เอง ราคาขาด-เกิน ทาว์เฮ้าส์ 3 ชั้น คิดตารางวาละ 40,000 บาท อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น คิดราคาตารางวาละ 50,000 บาท และราคาที่ดินขาด- เกินโครงการเอกชน โครงการเดอะตะวันบ้านพร้อมที่ดิน ตั้งอยู่ถนน ราษฎร์พัฒนา แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ที่ดินขาด – เกินตารางวาละ 50,000 บาท ใกล้บิ๊กซีร่มเกล้า ประมาณ 100 เมตร และตลาดสดประมาณ 500 เมตร โครงการปรีชาราม 3 บ้าน พร้อมที่ดิน ตั้งอยู่ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ที่ดินขาด - เกิน ตารางวาละ 45,000 – 70,000 บาท ใกล้บิ๊กซี ร่มเกล้า ประมาณ 1 กม. โครงการเอ็มร่มเก้าอกเอง พาณิชย์ ตั้งอยู่ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ที่ดินขาด – เกิน ตารางวาละ 100,000 บาท ใกล้บิ๊กซีร่มเกล้า

3. มีการสํารวจราคาขายที่ดินแปลงว่างของเอกชนตามป้ายประกาศขาย ดังนี้

(1) ขายที่ดินเนื้อที่ 1-2-26 ไร่ ราคาขาย 13,772,000 บาท เฉลี่ยตารางวาละ 22,000 บาท ที่ดินอยู่ถนนร่มเกล้า ซ 17 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ลักษณะ ที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถมดินบางส่วน

(2) ขายที่ดินเนื้อที่ 0-1-68 ไร่ ราคาขาย 4,200,000 บาท เฉลี่ยตารางวาละ 25,000 บาท ที่ดินอยู่ถนนร่มเกล้า ซ. 24เขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ลักษณะที่ดินเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าถมดินเรียบร้อยแล้ว

(3) ขายที่ดินเนื้อที่ 5-2-63 ไร่ ราคาขาย 24,000,000 บาท เฉลี่ยตารางวาละ 60,000 บาท ที่ดินอยู่ถนนร่มเกล้า เข้าจากสี่แยกเจ้าคุณทหาร เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ลักษณะ ที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถมดินบางส่วน

(4) ขายที่ดินเนื้อที่ 0/1-18 ไร่ ราคาขาย 10,620,000 บาท เฉลี่ยตารางวาละ 90,000 บาท ที่ดินอยู่ตรงข้ามโรงเรียนรัตนโกสินทร์ลาดกระบัว ติดถนนราษฎร์พัฒนา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ลักษณะที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูถมดินเรียบร้อยแล้ว

@ขายได้เฉลี่ย ตรว.ละ 101,965.419 บาท

จะเห็นได้ว่าราคาซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ ให้กับผู้จะซื้อ ที่ดิน (จํานวน 8 ราย) ในราคา 28,497,000 บาท โดยคิดเป็นราคาตรารางวาละ 101,965.419 บาท เป็นราคาที่สูงกว่าราคาประเมินสํานักงานที่ดิน สูงกว่าราคาขายที่ดินส่วนที่ขาด-เกิน จากแปลงมาตรฐาน โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) และสูงกว่าราคาขายของ ที่ดินเอกชนในขณะนั้น

@ จ้าง บ.ประเมินข้างเคียงเทียบกันแล้วได้ราคาสูง

4. จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าในปี 2559 การเคหะแห่งชาติได้ดําเนินการ จัด จ้างบริษัทเอกชนประเมินราคาที่ดิน โครงการเคหะชุมชนร่มเกล้า ที่ดินโฉนดเลขที่ 48161 เนื้อที่ 1-0-15.2 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ที่ดินปั้มน้ํามันบางจาก) ซึ่งที่ดินที่ประเมินดังกล่าวเป็นที่ดินที่ติดกับที่ดินที่ การเคหะแห่งชาติได้ขายให้กับผู้ซื้อ 8 รายโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ ตามสัญญาจะซื้อ จะขายที่ดินวันที่ 13 ต.ค. 2558 โดยจ้างบริษัทประเมินค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จํานวน 2 บริษัท ดังนี้

(1)ในวันที่ 29 มี.ค. 2559 บริษัท สยามอิมพีเรียว แอฟเพรสชัล จํากัด ได้ส่งเล่ม ประเมิน โดยประเมินมูลค่าทรัพย์สินรวม 23,710,000 บาท (ปัดเศษ) แบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน 21,175,200 บาท หรือตารางวาละ 51,000 บาท และมูลค่าสิ่งปลูกสร้าง 2,539,392 บาท

(2) วันที่ 7 เม.ย. 2559 บริษัท อาร์พีวี แวลูเอชั่น จํากัด ได้ส่งเล่มประเมิน โดย ประเมินมูลค่าทรัพย์สินรวม 22,910,000 บาท บาท (ปัดเศษ) แบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน 21,591,000 บาท 21,590,000 บาท หรือตารางวาละ 52,000 บาท และมูลค่าสิ่งปลูกสร้าง 1,318,648 บาท

มูลค่าทรัพย์สินรวมเฉลี่ยของ 2 บริษัทคิดเป็นเงิน 23,310,000 บาท แบ่งเป็นมูลค่า ที่ดิน 21,382,800 บาท หรือตารางวาละ 51,500 บาท และมูลค่าสิ่งปลูกสร้าง 1,927,200 บาท

จะเห็นว่าราคาประเมินที่ดินของบริษัท สยามอิมพีเรียว แอฟเพรสชัล จํากัด ตารางวาละ 51,000 บาท และราคาประเมินที่ดินของบริษัท อาร์พีวี แวลูเอชั่น จํากัด ตารางวาละ 52,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่การเคหะแห่งชาติทําสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ ให้กับผู้จะซื้อที่ดิน (จํานวน 8 ราย) ในราคา 28,897,000 บาท โดยคิดเป็นราคา ตารางวาละ 101,965.419 บาท แล้ว ราคาที่การเคหะแห่งชาติทําสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 ให้กับผู้ซื้อ 8 ราย ยังสูงกว่าราคาที่ดินที่บริษัทประเมินมาก

5. เปรียบเทียบราคาที่การเคหะแห่งชาติได้รับจากการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ พิจารณาดังนี้

(1) เปรียบเทียบราคาประเมินที่ดินที่ติดกับแปลงที่ขายและในเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยบริษัท สยามอิมพีเรียว แอฟเพรสซัล จํากัด ประเมินที่ดินราคาตารางวาละ 51,000 บาท และบริษัท อาร์ พีวี แวลเอชั่น จํากัด ราคาประเมินตารางวาละ 52,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่การเคหะ แห่งชาติทําสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ ให้กับผู้จะซื้อที่ดิน (จํานวน 8 ราย) ในราคา 28,897,000 บาท โดยคิดเป็นราคาตารางวาละ 101,965.419 บาท ราคาที่ การเคหะแห่งชาติทําสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 48160 ดังกว่าสูงกว่าราคาที่จ้างบริษัท ประเมินมาก

(2) เปรียบเทียบกับการขายอาคารพาณิชย์ 5 หน่วย เนื่องจากเดิมอาคารพาณิชย์ 5 หน่วย นั้นมีประชาชนได้ทําสัญญาวางมัดจําผูกพันราคาไว้แล้ว ซึ่งบริเวณที่ดินที่ขายโฉนดเลขที่ 48160 เนื้อที่ 0-2-83.40 ไร่ ตามผังโครงการเป็นที่ตั้งอาคารพาณิชย์ 5 หน่วย และอาคารพาณิชย์มีราคาขาย หน่วยละ 3,800,000 บาท (5 หน่วย 19,000,000 บาท) แบ่งเป็นต้นทุนหน่วยละ 2,555,000 บาท (5 หน่วยเป็นต้นทุน 12,775,000 บาท) กําไรหน่วยละ 1,244,445 บาท จํานวน 5 หน่วย กําไรรวม 6,222,225 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการขายที่ดินให้กับผู้ซื้อ 8 ราย ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการขาย ที่ดินให้กับผู้ซื้อ 8 ราย ได้จํานวนเงินที่สูงกว่า

@ได้ประโยชน์ตอบแทนมากกว่า‘อนุญาตให้ผ่านทาง’

(3) เปรียบเทียบกับการอนุญาตให้ผ่านทางสําหรับใช้เป็นทางเข้าออกบ้านหรือโครงการ โดยการจดภาระจํายอมนั้นแม้กรรมสิทธิ์ที่ดินจะยังเป็นของการเคหะแห่งชาติ แต่การเคหะแห่งชาติ ก็ไม่สามารถนําที่ดินไปจัดประโยชน์ได้อีก และการเคหะแห่งชาติก็ไม่สามารถทําให้การใช้ประโยชน์ ในที่ดินของเอกชนลดน้อยถ้อยลงหรือเสื่อมความสะดวกได้ อีกทั้งจะเพิ่มภาระให้แก่ที่ดินที่ผ่านทาง ก็ไม่ได้เช่นกัน และการที่จะพิจารณาว่าหากเป็นการอนุญาตให้ผ่านทางแล้วกรรมสิทธิ์เป็นของการเคหะ แห่งชาติอยู่เมื่อมีผู้ขอใช้ทางเพิ่มจะทําให้การเคหะแห่งชาติได้รับค่าตอบแทนเพิ่มนั้น ซึ่งจากข้อจํากัด ในทางกฎหมายดังกล่าว การที่จะทําให้การเคหะแห่งชาติได้รับค่าตอบแทนเพิ่มจาการขอผ่านทางหรือไม่ นั้นเป็นการคาดคะเนเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อมีการอนุญาตให้ผ่านทางโดยการจดภาระจํายอม เพื่อเป็นทางเข้าออกสําหรับบ้านหรือโครงการของบุคคลใดแล้ว ย่อมไม่อาจอาจอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ได้อีก เนื่องจากการอนุญาตในลักษณะนี้เป็นการขออนุญาตเป็นทางเข้าออกเฉพาะสําหรับบ้านหรือโครงการ ไม่เหมือนกับทางภาระจํายอมที่เป็นถนนที่มีการใช้เป็นการทั่วไป เมื่อการอนุญาตผ่านทางแม้กรรมสิทธิ์ ที่ดินจะยังเป็นของการเคหะแห่งชาติแต่การเคหะแห่งชาติก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดินนั้นได้ ดังนั้น จึงต้องเปรียบเทียบว่าการขอผ่านทางหรือการขายที่ดินที่จะทําให้การเคหะแห่งชาติได้รับ ค่าตอบแทนสูงสุด

การอนุญาตผ่านทางการเคหะแห่งชาติคิดค่าธรรมเนียมการผ่านทางของการเคหะแห่งชาติ กรณีของนายเจริญพาณิชย์ ฯ ตามขนาดเนื้อที่ดินเนื้อที่รวม 10-3-50 ไร่ (4,350.ตารางวา) นำมาคำนวณ เปรียบเทียบตามสัดส่วนการใช้พื้นที่ จะทําให้สามารถจัดสรรสร้างหมู่บ้านประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 60 หน่วย โดยการเคหะแห่งชาติคิดค่าธรรมเนียมการอนุญาตผ่านทางและค่าตอบแทน 30,000 บาท/หน่วย และ คิดค่าใช้ประโยชน์บนที่ดินตารางวาละ 66,800 บาท โดยคํานวณมูลค่าการผ่านทาง และรวมค่าตอบแทน สาธารณูปโภคต่างๆ ดังนี้

(1) ค่าธรรมเนียมการผ่านทางฯค่าธรรมเนียมสาธารณูปโภคและสาธารณูปการฯ อื่นๆ (จํานวนก่อสร้าง 60 หน่วย x ค่าตอบแทนหน่วยละ 33,000 บาท) = 1,980,000บาท

(2) กรณีผ่านทางที่ดิน 110 ตรว. ค่าใช้ประโยชน์บนที่ดิน (66,800x110 ) = 7,348,000 บาท

(3) กรณีผ่านทางที่ดิน 283.40 ตรว. (ใช้การเปรียบเทียบจาก (2)) ค่าใช้ประโยชน์บนที่ดิน (66,800x 283.40) = 18,931,120 บาท (1)+(3) = 20,911,120 บาท

@เอาที่ดินไปก่อสร้างอาคารได้ ปย.น้อยกว่า

เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจากวิธีการนําที่ดินจํานวน 0-2-83.40 ไร่ ไปก่อสร้างอาคาร โครงการตามมติคณะรัฐมนตรี การเคหะแห่งชาติจะได้รับเงินกําไร 5 หน่วย เป็นเงินจํานวน รวม 6,222,225 บาท วิธีการนําที่ดินอนุญาตให้เป็นทางผ่านเข้า-ออก การเคหะแห่งชาติจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน จํานวน 20,911,120 บาท และวิธีการขายที่ดินการเคหะแห่งชาติได้รับเงินค่าตอบแทนจํานวน 28,897,000 บาท เมื่อนํามาเปรียบเทียบแล้วเห็นได้ว่าการขายที่ดิน การเคหะแห่งชาติจะได้รับ ค่าตอบแทนมากกว่าการนําที่ดินไปก่อสร้างอาคารจํานวน 5 หน่วยและอนุญาตให้เป็นทางเข้า-ออก และ สําหรับราคาขายที่ดินโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) นั้น การขายที่ดินในปี 2558 ราคาตารางวาละ 101,965.419 บาท เป็นราคาขายรวมทั้งสิ้น จํานวน 28,897,000 บาท เปรียบเทียบราคาประเมินที่ดินที่ติดกับแปลงที่ขาย และในเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยการจ้างบริษัท สยามอิมพีเรียว แอฟเพรสชัล จํากัด ประเมินที่ดินโดยบริษัทประเมินที่ดินราคาตารางวาละ 51,000 บาท และบริษัท อาร์พีวี แวลูเอชั่น จํากัด ประเมินที่ดินราคาประเมินตารางวาละ 52,000 บาท ซึ่งราคาขายที่ดินสูงกว่าราคาประเมินของทั้งสองบริษัท

@อ้างต้องยกเลิกโครงการอยู่แล้ว ยอดจองแค่ 39%

นอกจากนี้ตามนโยบายการก่อสร้างโครงการ การจะเริ่มก่อสร้างโครงการได้จะต้องมี ประชาชนจองไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของหน่วยในโครงการนั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอาคารคงเหลือซึ่งจะ ส่งผลกระทบทางด้านการเงินเป็นภาระแก่องค์กร โดยได้มีการกําหนดลงไปในเงื่อนไขสัญญาจะซื้อจะขายในข้อ 6 กําหนดว่าหากผลการจองไม่ถึงร้อยละ 50 ของหน่วยก่อสร้างทั้งหมดในโครงการนี้ การเคหะแห่งชาติจะ ยกเลิกการก่อสร้างโดยผู้จองไม่อาจเรียกค่าเสียหายใดๆ ได้ และโครงการเคหะ ชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) มีหน่วยก่อสร้างทั้งโครงการ จํานวน 269 หน่วย ปรากฏว่าโครงการร่มเกล้ามีผลการจองจํานวน 105 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 39.03 ของหน่วยก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งหน่วยจองไม่ถึงร้อยละ 50 ของหน่วยก่อสร้าง ทั้งหมด เมื่อยอดไม่ถึงร้อยละ 50 ของหน่วยก่อสร้างทั้งหมด การเคหะแห่งชาติจะต้องยกเลิกการ ก่อสร้างโครงการ แต่การที่การเคหะแห่งชาติไม่อยากยกเลิกการก่อสร้างโครงการ แต่แบ่งเฟสการก่อสร้าง ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของการเคหะแห่งชาติ แต่จริงๆ แล้วโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ - ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) จะต้องยกเลิกการก่อสร้างโครงการเนื่องจากยอดการจองโครงการ ไม่ถึงร้อยละ 50 ของหน่วยก่อสร้างทั้งหมด

ดังนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้เห็นว่าราคาขายที่ดินโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ร่มเกล้า ระยะที่ 10 (พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า) เป็นราคาที่เหมาะสมแล้วและไม่ทําให้การเคหะแห่งชาติเสียหาย

ทั้งหมดคือเหตุผลของคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ ที่เห็นว่าการเคหะฯไม่เสียหายจากการตัดขายที่ดินโครงการฯให้แก่ชาวบ้าน 8 ราย แล้วชาวบ้านจดทะเบียนขายต่อให้บริษัทหมู่บ้านจัดสรรทันที โดยที่เงินในการซื้อที่ดินมาจากบริษัทผู้สร้างหมู่บ้านจัดสรร