
"...กลเกมการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ยังเหลือเวลาอีกราว 1 เดือนที่ ‘รัฐบาล’ จะตัดสินใจว่า จะเดินหมากแก้เกม ‘ฝ่ายค้าน’ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เกมแก้รัฐธรรมนูญ ถูกหยิบฉวยนำมาใช้เป็นตัวประกันค่อนข้างแน่นอนแล้ว..."
ออกมาสยบกระแสข่าวทันควัน สำหรับ ‘นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล’ เตรียมชิง ‘ยุบสภาฯ’ ถ้าหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งหน้า 12 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยเจ้าตัวร่ายแถลงการณ์ 8 ข้อ สาระสำคัญยืนกรานว่า ยังไม่ยุบสภาฯ แม้จะถูก ‘ซักฟอก’ โดยพร้อมจะชี้แจง รวมถึงยังคงเดินหน้าจัดทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีรัฐธรรมนูญใหม่เหมือนเดิม

@ อนุทิน ชาญวีรกูล
“ขอเรียนย้ำว่า ข้อตกลงที่ทำกับพรรคประชาชน มีสาระสำคัญคือ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2. จัดให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป ในครั้งถัดไป 3. ยุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย 4. พรรคประชาชน เป็นพรรคฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบ ให้คำแนะนำ การทำงานของรัฐบาล ซึ่งผมยอมรับบทบาท และการตรวจสอบของพรรคประชาชน และยินดีชี้แจง” เป็นสาระสำคัญในแถลงการณ์ของ ‘อนุทิน’ ตามการเปิดเผยของ ‘สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ’ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะปรากฏการณ์ ‘รัฐบาลข้างน้อย-ฝ่ายค้านข้างมาก’ จากการลงนามข้อตกลง MOA ระหว่าง ‘พรรคประชาชน’ และ ‘พรรคภูมิใจไทย’ โดยจุดยืนของ ‘ก๊กส้ม’ ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางมี ส.ส.ร.ไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน ก่อนจะยุบสภาฯ นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่ ‘ก๊กน้ำเงิน’ ต้องการคัมแบ็กสู่วงจรอำนาจอีกครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหาบางประการ และจัดวางขุนพลเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งใหม่
เบื้องต้น ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ รองนายกฯ 1 ใน 3 ซือแป๋กฎหมายไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พอ ๆ กับ ‘มีชัย ฤชุพันธุ์-วิษณุ เครืองาม’ เปิดเผยกลางสภาฯในวันแถลงนโยบายรัฐบาลว่า จะมีการยุบสภาฯภายใน 31 ม.ค. 2569 และคาดว่าจะเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 29 มี.ค. 2569
แต่กระแสข่าวช่วงหลังค่อนข้างมาแรงว่า ‘แผนการ’ อาจไม่เป็นไปตามกำหนดดังกล่าวเสียแล้ว เนื่องจาก ‘รัฐบาลข้างน้อย’ ถูก ‘เปิดแผล’ ค่อนข้างมาก สุ่มเสี่ยงอาจถูกยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และตามกฎหมาย หากฝ่ายค้านยื่นซักฟอก และญัตติซักฟอกถูกบรรจุแล้ว รัฐบาลไม่สามารถ ‘ยุบสภาฯ’ ได้
แน่นอนว่าในสมการ ‘3 ก๊กการเมือง’ เวลานี้ ‘ก๊กแดง’ ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตทางการเมืองกับ ‘ก๊กน้ำเงิน’ มี สส.ในมืออย่างน้อย 120-130 เสียง เกิน 1 ใน 5 ตามรัฐธรรมนูญ (ต้องมี สส. 100 จาก สส.ในสภาฯ 500 คน) ที่จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แม้ว่าที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะไม่เคยมีพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ไม่ใช่พรรค ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ยื่นซักฟอกมาก่อนก็ตาม
ขณะเดียวกันมีเสียงเล่าอ้างในสภาฯ พูดกันหนาหูว่า ‘ก๊กส้ม’ ซุ่มเงียบ เก็บหลักฐาน เตรียมยื่นซักฟอก ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ เช่นกัน โดยร่างรายละเอียดไว้ครบถ้วน และเริ่มให้ สส.ในสังกัดลงนามกันแล้ว แต่ยังไม่แพร่งพรายออกมาใครรับรู้มากนักว่า จะมี ‘รัฐมนตรี’ คนไหนถูกโฟกัสบ้าง
และหากไม่มี ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ใด ๆ เกิดขึ้น ทำให้ค่อนข้างมีแนวโน้มสูงว่า ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ น่าจะถูกยื่นซักฟอก ในการเปิดสมัยประชุมสภาฯครั้งหน้า คือตั้งแต่ 12 ธ.ค.เป็นต้นไป
ประเด็นถัดมา ‘ใคร’ ที่ถูก ‘ก๊กแดง-ส้ม’ โฟกัสเตรียมยื่นซักฟอก ทั้ง 2 พรรคน่าจะเห็นร่วมตรงกันคือ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ น่าจะเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นซักฟอกอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถูกสื่อมวลชน และฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดแผลอย่างหนักว่า มีความสัมพันธ์กับ ‘เบน สมิธ’ นักธุรกิจที่ถูกสื่อต่างชาติเปิดโปงว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา ขณะที่ลูกพรรคของเขาบางคน เคยถูกตำรวจตรวจสอบ และกล่าวหาในคดีพัวพันเรื่องเว็บพนันออนไลน์อีกด้วย
ทางหนึ่ง ‘ผู้กองธรรมนัส’ คือศัตรูทางการเมืองของ ‘ก๊กส้ม’ มาตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่-ก้าวไกล โดย สส.พรรคส้ม คือผู้ขุดคุ้ยเปิดโปงเรื่องที่ ‘ผู้กอง’ อาจเคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกมาก่อน ทว่าด้วยกลไกสภาฯในยุค ‘พลังประชารัฐ’ ทำให้ ‘ผู้กอง’ รอดพ้นพงหนามไปด้วย
เช่นเดียวกัน ‘ผู้กองธรรมนัส’ คือหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของการจัดตั้ง ‘รัฐบาลแดง+อนุรักษนิยม’ หลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา แต่เมื่อ ‘ก๊กแดง’ เพลี่ยงพล้ำ เขากลับพาพรรคพวกตีจาก ไปร่วม ‘รัฐบาลสีน้ำเงิน’ ดัน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯคนที่ 32 ได้สำเร็จ สร้างความเจ็บแค้นให้แก่ ‘นายใหญ่’ เป็นอย่างมาก
ทว่ามีอีกคนหนึ่งที่ ‘ก๊กส้ม’ เล็งเห็นผล น่าจะจับจ้องไปที่ ‘หัวใจสีน้ำเงิน’ นั่นคือ ‘ไชยชนก ชิดชอบ’ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บุตรชาย ‘ครูใหญ่อีสานใต้’ ที่มีกระแสข่าวว่า ปชน.ได้หลักฐานทีเด็ดทีขาด ในเรื่องการเปิดโปงสินบน 40 ล้านบาท ที่แม้ ‘ไชยชนก’ จะเป็นผู้ออกมาแฉเรื่องนี้ และส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนต่อด้วยตัวเขาเองก็ตาม
อย่างไรก็ตามเกมของ ‘ก๊กส้ม’ น่าจะลำบากกว่า ‘ก๊กแดง’ พอตัว เนื่องจากความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางตั้ง ส.ส.ร.นำไปสู่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่งทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง ทำให้ไม่สามารถยื่นซักฟอก ‘นายกฯ’ ได้โดยตรง เพราะตามรัฐธรรมนูญ หากนายกฯได้รับเสียงข้างมาก ‘ไม่ไว้วางใจ’ จะทำให้ ครม.พ้นทั้งคณะทันที และเกมร่างรัฐธรรมนูญของ ปชน.น่าจะถูกยื้อออกไปอีก ทั้งที่ยอมกลืนเลือดเสียภาพลักษณ์ดัน ‘สีน้ำเงิน’ เถลิงอำนาจแล้ว
อีกทางหนึ่งหาก ‘ก๊กส้ม’ ยกมือ ‘ไว้วางใจ’ หนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯต่อ ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองอย่างหนัก ยิ่งกว่ายกมือผลักดันให้ภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลได้เสียอีก
จึงเป็นไปได้ว่า ‘ส้ม-แดง’ น่าจะมีการดีลกันหลังม่าน เกี๊ยะเซียะบางประการ โดยอาจยอมโหวตตาม ‘เพื่อไทย’ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลสีน้ำเงิน แต่อาจมีงานขออย่ายื่นซักฟอก ‘นายกฯ’ แค่นั้น นั่นจึงทำให้ ‘อนุทิน’ กลับลำทันควัน สยบกระแสข่าวลือ ‘ยุบสภาฯ’ หนีซักฟอก ยืนยันจะเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินต่อตาม MOA ภายใน 120 วัน
ทว่ากระแสต่อมาดันมีคนปล่อยข่าวว่า ‘ผู้กองธรรมนัส’ อาจชิงลาออกเก้าอี้รองนายกฯ-รมว.เกษตรฯ เพื่อหนีซักฟอก เนื่องจากเป็นคนเดียวที่ถูกพุ่งเป้าจากทั้ง ‘ก๊กแดง-ก๊กน้ำเงิน’ และถ้า ‘ผู้กอง’ ยอมลาออก อาจะไม่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

@ ธรรมนัส พรหมเผ่า
อย่างไรก็ตาม ‘ผู้กองธรรมนัส’ ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว ยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็น ‘ตำบลกระสุนตก’ จากฝ่ายค้านก็ตาม
แต่กลเกมการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ยังเหลือเวลาอีกราว 1 เดือนที่ ‘รัฐบาล’ จะตัดสินใจว่า จะเดินหมากแก้เกม ‘ฝ่ายค้าน’ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เกมแก้รัฐธรรมนูญ ถูกหยิบฉวยนำมาใช้เป็นตัวประกันค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ดังนั้น ‘ฝันหวาน’ ของ ‘พรรคส้ม’ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปูทางร่างรัฐธรรมนูญใหม่ สถาปนาอำนาจนำของประชาชน อาจไม่ปูทางด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้ว
