"....ขบวนการนี้คาดหมายว่าหากไม่ได้ สว.ถึง 100 คน อย่างน้อยที่สุดไม่ควรน้อยกว่า 67 คน เพื่อให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตามความต้องการของผู้นำจิตวิญญาณ แต่ผลการเลือกได้ สว.จริงเพียง 21 คน และสำรองอีก 24 คน โดยพ่ายแพ้ต่อขบวนการของบ้านใหญ่สีน้ำเงินอย่างหลุดลุ่ย ทำให้ สว.บางคนของขบวนการนี้ออกมากล่าวโจมตีขบวนการบ้านใหญ่ว่าใช้วิธีการสกปรก และช่วงที่ DSI กำลังพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยที่ DSI จะเข้ามาจัดการกับ สว.ที่มาจากขบวนการเลือกที่วิปริตบิดเบี้ยว แม้ว่าตนจะเป็น สว.ที่มาจากขบวนการที่ใช้วิธีการในลักษณะเดียวกันก็ตาม..."
น่าตกใจว่า สว.138 คน และสำรองอีก 2 คน หรือกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ของ สว.200 คน ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เข้าไปทำหน้าที่ต่าง ๆ แทนประชาชนในวุฒิสภาและรัฐสภา อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาหรือถูกกล่าวหาในข้อหาอาชญากรรมที่รุนแรงว่าเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจร ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI อาจจะเข้ามาดำเนินการสอบสวนเพื่อทำสำนวนส่งอัยการและยื่นฟ้องต่อศาลให้ลงโทษทางอาญาถึงขั้นจำคุก
และน่าตกใจต่อไปอีกเพราะอาจไม่ใช่มีเพียง 138+2 คน เท่านั้น แต่ยังมีอีกขบวนการหนึ่งที่อาจมีการดำเนินการในช่วงการเลือก สว.ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอาจจะต้องถูกสอบสวนในข้อหาเดียวกันอีก 21+24 คน จึงเท่ากับว่ามี สว.เกือบทั้งสภาอาจต้องถูกสอบจาก กกต.หรือ DSI และไม่ใช่ว่าจะมี สว.ตัวจริง 159 คน และตัวสำรอง 26 คน เท่านั้น ที่อาจอยู่ในขบวนการฮั้ว แต่ สว.ตัวจริงอีกประมาณ 40 คน ก็อาจจะถูกกล่าวหาเมื่อใดก็ได้ ซึ่งมาจากระบบการเลือก สว.ที่ใช้อยู่ การที่จะได้คะแนนมาแต่ละคะแนน จะต้องเอาคะแนนของตนไปแลกมา หรือจะต้องตกลงสมยอมกันหรือฮั้วกันจึงจะทำให้ได้คะแนน และถ้าจะให้ได้ สว.เป็นกลุ่มเป็นก้อนก็จะต้องทำเป็นขบวนการอย่างที่กล่าวหากัน ทำให้ระหว่างการเลือกและภายหลังการเลือก กกต.จะมีงานไต่สวนและสอบสวนชุกมาก
ดังนั้น 7 เดือนผ่านมาจึงยังไม่มีผลการไต่/สอบ ออกมาซักราย จึงจะว่า กกต.ทำงานล่าช้าก็คงไม่ได้
ผู้เขียนได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากผู้สมัคร สว.รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศว่า นอกจาก สว.138 ราย และสำรองอีก 2 ราย หรือ 138+2 ราย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างแต่พอจะรู้ว่าเป็นสีอะไร ที่อาจถูกกล่าวหาว่ามีการกระทำที่มีลักษณะเป็นอั้งยี่ หรือขบวนการที่ปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI อาจจะรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้กับ DSI แล้ว ยังมี สว.อีกกลุ่มหนึ่งที่ปัจจุบันทำหน้าที่อยู่ในสภาจำนวน 21 ราย และอยู่ในรายชื่อสำรองอีก 24 ราย หรือ 21+24 ราย จากผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในตารางโพยของขบวนการนี้ทั้งหมด 190 ราย โดยตารางโพยได้ถูกเผยแพร่ออกมาในตอนเช้าก่อนเปิดการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 ซึ่งก่อนถึงวันเลือกระดับประเทศผู้ที่อยู่ในขบวนการได้มีการประชุมกันทางออนไลน์มาตั้งแต่การเลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัด
จนกระทั่งก่อนการเลือกระดับประเทศได้มีการนัดประชุมลับกันในกรุงเทพ ที่ห้องประชุมในเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2567 หรือ 1 วันก่อนถึงวันเลือก เพื่อสรุปตารางโพยว่าใครจะได้เป็นแคนดิเดตที่จะเป็น สว. หรือใครจะเป็นเพียงโหวตเตอร์ที่มีหน้าที่ลงคะแนนทั้งหมดให้กับกลุ่มแคนดิเดต และทำการซักซ้อมกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือก ก่อนที่ตารางโพยรายชื่อและเบอร์ผู้สมัครที่เป็นแคนดิเดตของ 19 กลุ่มอาชีพ กลุ่มละ 10 คนของขบวนการนี้ จะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ที่อยู่ในขบวนการในตอนค่ำของวันที่ 25 มิ.ย.2567 หลังการประชุมลับเสร็จสิ้น เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกที่เข้าประชุมประมาณ 400 คน เลือกตามโพยที่ส่งให้ แต่โพยดังกล่าวได้รั่วไหลออกไปยังสื่อมวลชน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากผู้ที่อยู่ในขบวนการซึ่งผิดหวังจากการไม่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตในตารางโพย และได้แอบส่งให้กับสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ในสื่อทีวีและสื่อออนไลน์
ผู้สมัคร สว.รายนี้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ขบวนการนี้กำกับการดำเนินการโดยผู้นำจิตวิญญาณของพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยม ตั้งแต่ก่อนการรับสมัคร สว.และดำเนินการต่อเนื่องมาจนกระทั่งถึงการเลือก สว.ระดับประเทศ และยังเป็นผู้อนุมัติตารางโพยเป็นคนสุดท้ายในตอนค่ำหลังการประชุมลับเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2567 ซึ่งการดำเนินการของขบวนการนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับขบวนการของ สว.138+2 ราย ที่อยู่ในมือ DSI แล้วตอนนี้ แต่เป็นขบวนการที่เล็กกว่าและใช้ผู้สมัครที่ต้องการเป็น สว.หรือต้องการดำรงตำแหน่งทางการเมืองจริง ๆ ไม่ได้ว่าจ้างชาวบ้านมาเป็นผู้สมัคร โดยขบวนการนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา
การดำเนินการของขบวนการนี้ จะคัดเลือกผู้สมัครที่ร่วมขบวนการมาตั้งแต่ต้นและชักชวนผู้ที่ผ่านเข้ามาเลือกระดับประเทศที่อยู่นอกขบวนการอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเสริมในบางกลุ่มอาชีพที่มีจำนวนน้อย และผู้ร่วมขบวนการต้องได้รับการตรวจสอบว่ามีอุดมการณ์เดียวกันกับผู้นำจิตวิญญาณคือการแก้รัฐธรรมนูญ โดยจะตัดสินจากการแสดงวิสัยทัศน์ผ่านการประชุมออนไลน์ 4-5 ครั้ง ว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์ดังกล่าว จึงจะอยู่ในข่ายที่จะได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตหรือผู้ที่จะได้เป็น สว. โดยในรอบแรกที่เป็นการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพเดียวกัน จะกำหนดแคนดิเดตไว้กลุ่มละ 10 คน ตามสิทธิในการเลือกของแต่ละคน รวมทั้งหมด 20 กลุ่มอาชีพ เป็นจำนวนรวม 200 คน และเมื่อเข้าสู่รอบเลือกไขว้จะกำหนดแคนดิเดตเหลือกลุ่มละ 5 คน ตามสิทธิในการเลือกในรอบเลือกไขว้ของผู้ที่เข้ารอบแต่ละคน เพื่อที่จะให้ได้ สว.ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ เป็นจำนวน 100 คน
ผู้สมัคร สว.รายดังกล่าว กล่าวว่า ตารางโพยรอบเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพเดียวกันของขบวนการนี้ถูกเปิดเผยออกมาในสื่อต่าง ๆ เพียง 19 กลุ่ม หรือ 190 รายชื่อ ซึ่ง ณ เวลานั้นผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในตารางโพยไม่มีใครออกมาปฏิเสธว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือถูกแอบอ้างชื่อแต่ประการใด ส่วนผู้อยู่ในขบวนการที่เหลืออีกประมาณ 200 คน จะเป็นโหวตเตอร์ หรือทำหน้าที่ลงคะแนนในลักษณะพลีชีพเพียงอย่างเดียว โดยใช้สิทธิลงคะแนนทั้งหมดที่โหวตเตอร์แต่ละคนมีอยู่ 10 คะแนน ในรอบแรก ลงคะแนนให้กับผู้สมัครตามตารางโพย โดยไม่ลงคะแนนให้กับตนเอง ซึ่งทำให้ตนเองได้ 0 คะแนน โดยผู้ที่เป็นโหวตเตอร์ซึ่งจะไม่มีโอกาสได้เป็น สว.แต่มีการให้คำมั่นสัญญากันว่าจะได้รับตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้ชำนาญงาน หรือผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว สว.ที่ได้รับเลือก โดยขบวนการนี้คาดหมายว่าหากไม่ได้ สว.ถึง 100 คน อย่างน้อยที่สุดไม่ควรน้อยกว่า 67 คน เพื่อให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตามความต้องการของผู้นำจิตวิญญาณ แต่ผลการเลือกได้ สว.จริงเพียง 21 คน และสำรองอีก 24 คน โดยพ่ายแพ้ต่อขบวนการของบ้านใหญ่สีน้ำเงินอย่างหลุดลุ่ย ทำให้ สว.บางคนของขบวนการนี้ออกมากล่าวโจมตีขบวนการบ้านใหญ่ว่าใช้วิธีการสกปรก และช่วงที่ DSI กำลังพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยที่ DSI จะเข้ามาจัดการกับ สว.ที่มาจากขบวนการเลือกที่วิปริตบิดเบี้ยว แม้ว่าตนจะเป็น สว.ที่มาจากขบวนการที่ใช้วิธีการในลักษณะเดียวกันก็ตาม
ผู้สมัคร สว.รายนี้ เปิดเผยกับผู้เขียนอีกว่า ที่ตนรู้ถึงวิธีการของขบวนการดังกล่าว เนื่องจากตนได้เข้าไปอยู่ในขบวนการนี้โดยบังเอิญ หลังจากที่ตนผ่านการเลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัดแล้ว ได้ส่งเอกสารแนะนำตัวทางไปรษณีย์และทางอีเมลไปยังผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศจำนวนหนึ่ง จากทั้งหมดประมาณ 3 พันคน หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2567 ได้มีผู้ติดต่อขอให้ตนเข้าร่วมกลุ่มเพื่อช่วยกันให้ได้ สว.ที่มีคุณภาพเข้าไปทำหน้าที่ โดยแจ้งให้เข้าประชุมในวันที่ 25 มิ.ย.2567 ที่ห้องจูปิเตอร์ 11-13 อาคารชาแลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 13.00 น.โดยให้ไปเฉพาะผู้สมัคร ซึ่งตนได้มารู้ภายหลังว่าที่ได้รับการชักชวนเป็นเพราะกลุ่มอาชีพของตนขบวนการนี้มีผู้ผ่านเข้าไปเลือกระดับประเทศจำนวนไม่มากเพียงพอ จึงจำเป็นต้องหาผู้เข้าร่วมขบวนการเพิ่มเติมแบบเร่งด่วน
ตนได้เข้าประชุมตามที่ได้รับการติดต่อเนื่องจากต้องการรู้ถึงวิธีดำเนินการของขบวนการนี้ เมื่อไปถึงห้องประชุมดังกล่าว พบจอทีวีหน้าห้องประชุมระบุข้อความว่าเป็นการประชุมของ สว.ประชาชน (เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น) โดยมีเจ้าหน้าที่ของขบวนการจำนวนหลายคนช่วยกันดำเนินงาน ซึ่งก่อนเข้าห้องประชุมจะต้องแสดงบัตรประชาชนและเซ็นชื่อลงทะเบียนตามรายชื่อที่พิมพ์ไว้แล้วที่โต๊ะลงทะเบียน โดยจะต้องฝากเครื่องมือสื่อสารที่มีอยู่ทั้งหมด และจะได้รับการติดสายรัดข้อมือ เมื่อจะผ่านประตูเข้าห้องประชุมจะต้องชูมือแสดงสายรัดข้อมือกับผู้ที่เฝ้าประตูจึงจะเข้าห้องประชุมได้ โดยระหว่างการประชุมห้ามมิให้สื่อมวลชนเข้าไปในห้องประชุม จนกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นลง
โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้สมัครที่มีสิทธิเลือกระดับประเทศเข้าร่วมประชุม ประมาณ 400 คน โดยนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ตามกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม เป็นแถวตอนลึก 2 แถว ๆ ละ 10 กลุ่ม การที่มีผู้เข้าประชุมมากถึงประมาณ 400 คน เนื่องจากได้มีข้อความแจ้งว่า ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นแคนดิเดตจะต้องเข้าประชุมครั้งนี้ หากไม่เข้าร่วมประชุมจะถูกตัดชื่อออกไปและนำคนที่อยู่ในลำดับถัดไปขึ้นมาเป็นแคนดิเดตแทน
ผู้สมัคร สว.รายนี้ ให้ข้อมูลว่า ในการประชุมผู้ที่ขึ้นพูดบนเวทีมีประมาณ 10 คน ผลัดกันขึ้นพูด โดยแต่ละคนจะช่วยกันพูดโน้มน้าวผู้สมัครที่จะทำหน้าที่เป็นโหวตเตอร์ในแต่ละกลุ่มให้เสียสละ โดยการเลือกแต่ละรอบจะต้องเลือกผู้สมัครตามรายชื่อที่กำหนดไว้เท่านั้น โดยในรอบแรกให้ยกคะแนนทั้ง 10 คะแนน เลือกผู้สมัครที่เป็นแคนดิเดตทั้ง 10 คน โดยจะต้องไม่ลงคะแนนให้กับตนเอง เพื่อให้จำนวนผู้สมัครที่เข้าสู่รอบเลือกไขว้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ โดยหัวข้อหนึ่งในการพูดบนเวทีคือ “ศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง” ซึ่งผู้พูดขยายความว่าผู้เป็นโหวตเตอร์ที่ได้ศูนย์คะแนนจะมีคุณค่ามากกว่าได้หนึ่งคะแนน คือไม่เลือกตนเองซึ่งทำให้ตนเองได้ศูนย์คะแนนดีกว่าเลือกตนเองแล้วได้เพียงหนึ่งคะแนน ซึ่งหนึ่งคะแนนนั้นไม่ได้ทำให้ผ่านเข้าไปเลือกในรอบต่อไป จึงควรนำเอาหนึ่งคะแนนที่จะเลือกตนเองไปเลือกผู้ที่เป็นแคนดิเดตเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มที่เป็นแคนดิเดตได้รับเลือก ซึ่งทำให้ผู้เป็นโหวตเตอร์ที่ได้ศูนย์คะแนนมีคุณค่ามากกว่าผู้ที่ได้หนึ่งคะแนน
วิธีการที่จะทำให้ไม่สับสนและไม่หลงลืมชื่อและเบอร์ของผู้เป็นแคนดิเดต คือการจัดทำเป็นตารางรายชื่อและเบอร์ของผู้สมัครแต่ละกลุ่มที่เป็นแคนดิเดต จำนวน 10 รายชื่อ หรือตารางโพย เพื่อให้ผู้สมัครแต่ละคนเก็บไว้กับตัว หรือนำไปจดลงในเล่มเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร หรือเล่ม สว.3 และนำเข้าไปในสถานที่เลือกและคูหาลงคะแนน โดยนำออกมาดูเมื่อจะลงคะแนน ซึ่งหลังการประชุมเสร็จสิ้นไม่นาน ผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 400 คน ก็ได้รับตารางโพยผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ส่วนตัวของแต่ละคน
ผู้สมัคร สว.คนเดียวกันเล่าว่า ตนมีหลักฐานการติดต่อโดยเป็นข้อความที่ติดต่อกันทางไลน์ และตารางโพยที่ส่งมาทางไลน์จากผู้ดำเนินการของขบวนการนี้ซึ่งอยู่ในที่ประชุมลับนั้นด้วย โดยตนได้รับตารางโพยเฉพาะกลุ่มอาชีพของตนในตอนค่ำของวันที่ 25 มิ.ย.2567 ก่อนที่สื่อมวลชนจะนำไปเผยแพร่ทางทีวีและสื่อออนไลน์ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเวลาเลือก สว.ในวันที่ 26 มิ.ย.2567 ซึ่งตารางโพยในกลุ่มอาชีพที่ตนได้รับ มีรูปแบบสีสันของตารางรวมทั้งรายชื่อและเบอร์ผู้สมัครตรงกันกับที่สื่อนำไปเผยแพร่ ซึ่งสื่อนำไปเผยแพร่ทั้งหมด 19 กลุ่มอาชีพ โดยมีรูปแบบตารางลักษณะเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่าตารางโพยของ 19 กลุ่มอาชีพ มาจากขบวนการที่ตนได้เข้าร่วมประชุมในวันที่ 25 มิ.ย.2567
ในการเลือกจริงในวันที่ 26 มิ.ย.2567 ผู้สมัคร สว.รายนี้ได้เข้าร่วมเลือกในกลุ่มอาชีพของตน และได้รับฟังการขานคะแนนของเจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ขานคะแนนจากบัตรลงคะแนนแต่ละใบ ก็ได้จดลงในเล่มเอกสารแนะนำตัว (สว.3) จนครบทั้งหมดประมาณกว่า 150 ใบ และพบว่ามีบัตรลงคะแนนที่ลงคะแนนเป็นชุดตัวเลขเดียวกันเรียงจากบนลงล่างเหมือนกันทุกประการมีอยู่ 2 ชุด โดยชุดตัวเลขแรก เหมือนกันทุกประการ 26 ใบ และชุดตัวเลขที่สอง เหมือนกันทุกประการ 11 ใบ จึงทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นบัตรลงคะแนนที่มาจากขบวนการใหญ่อย่างน้อย 2 ขบวนการ แต่ผู้สมัคร สว.รายนี้ ยังเชื่อว่ามีกลุ่มฮั้วย่อย ๆ ที่จับกลุ่มกันประมาณ 10 คน เพื่อแลกโหวตหรือสมยอมกันอีกหลายกลุ่ม
ผู้สมัคร สว.รายนี้ได้นำเอาตารางโพยจำนวน 19 กลุ่มอาชีพ จาก 20 กลุ่มอาชีพ ของขบวนการที่ได้เข้าประชุมด้วย มาสรุปให้เห็นว่าผู้มีชื่ออยู่ในตารางโพย 190 คน ของขบวนการที่มีชื่อเรียกหลายชื่อนี้ มีใครบ้างผ่านรอบแรกเข้าสู่รอบเลือกไขว้ และมีใครบ้างผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว.หรือมีรายชื่ออยู่ในบัญชีสำรอง
ผู้เขียนขอนำเสนอเพียงบางส่วนโดยไม่ระบุชื่อ เพื่อให้เห็นว่าขบวนการนี้ได้เป็น สว. 21 คน และ สำรองอีก 24 คน จากแคนดิเดตกลุ่มอาชีพละ 10 คน ดังนี้
กลุ่มที่ 2 ไม่มีผู้ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ และไม่มีผู้ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว.
กลุ่มที่ 3 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 5 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 4 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 7 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 5 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 2 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 6 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 4 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 0 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 7 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 4 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 2 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 8 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 8 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 3 คน
กลุ่มที่ 9 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 5 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 2 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 10 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 3 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 0 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 11 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 7 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 2 คน สำรอง 2 คน
กลุ่มที่ 12 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 7 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 3 คน
กลุ่มที่ 13 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 3 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 0 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 14 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 2 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 0 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 15 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 1 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 0 คน
กลุ่มที่ 16 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 2 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 0 คน
กลุ่มที่ 17 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 4 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 2 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 18 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 6 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 3 คน สำรอง 1 คน
กลุ่มที่ 19 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 3 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 2 คน สำรอง 0 คน
กลุ่มที่ 20 ผ่านรอบแรกเข้ารอบเลือกไขว้ 2 คน ผ่านรอบเลือกไขว้ได้เป็น สว. 1 คน สำรอง 0 คน
เพียงแค่ สว.ที่มา 2 ขบวนการ ซึ่งสงสัยว่าอาจจะได้รับเลือกมาตามตารางโพย ก็เป็นจำนวนมากถึง 159 คน หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวน สว.ทั้งสภาแล้ว และใช่ว่าที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์จะไม่ได้ฮั้ว จึงทำให้เห็นว่าระบบเลือก สว.เพื่อเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยที่ใช้เลือกในครั้งนี้ และจะใช้กันในครั้งต่อ ๆ ไปอีก เป็นระบบที่มีปัญหา ซึ่งทำให้
ถ้าไม่ฮั้ว ก็แทบไม่มีโอกาสได้เป็น สว.?