‘บิ๊กป้อม’ นำทัพพลังประชารัฐบุกเมืองย่าโม อ้อนขอคะแนนเสียง 16 เขต ปูพรมนโยบายจูงใจ บัตรสวัสดิการฯ 600 บ., ลดค่าแก๊ส-พลังงาน-บุตรธิดาประชารัฐ พร้อมคิกออฟนโยบายแจกเกษตรกร 30,000 บาท/ครัวเรือน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เมษายน 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ บริเวณตลาดเซฟวัน (Saveone Korat) อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส. จ.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต
พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยกับประชาชนว่า ตนอบอุ่นมากที่ได้มาพบกับชาวอีสานทุกคนในวันนี้ ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้ชาวโคราชให้เจริญรุ่งเรือง พรรคคัดเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของชาวนครราชสีมาทั้ง 16 เขต โปรดเลือกผู้สมัครทั้ง 16 เขต และขอให้เลือกหมายเลข 37 ด้วย
@ชูลดน้ำมัน-ลดค่าแก๊ส-บัตนสวัสดิการฯ 700 บาท
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคจึงนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันที ภายหลังจากที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลทุกช่วงวัย 'แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ' แจกเงินคนท้องเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ เพื่อให้สตรีมีขวัญกำลังใจในการช่วยกันเพิ่มประชากร และอีก 1 นโยบายที่สำคัญสำหรับชาวอีสานก็คือ มีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่อีสานดูแลเรื่องน้ำหลายครั้งเพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรรวมถึงการจัดสรรที่ดินทำกินเพื่อประโยชน์ให้กับประชาชนด้วย
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวต่อว่า จะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออก ให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัด ในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการอีอีซี โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ มหาสารคาม และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม. โดยเราจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเราได้สำรวจเส้นทางกันมาเรียบร้อยแล้ว
“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่งๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศ เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ โปรดเลือก พปชร.เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝากพลังประชารัฐไว้กับชาวนครราชสีมาด้วย เพราะทุกคนที่อยู่ตรงนี้พร้อมที่จะรับประชาชนอย่างจริงจัง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
@ผุดแจกเกษตรกร 30,000 บาท/ครอบครัว
ด้านนายวิรัช กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า วันนี้หลายคนกังวลกันถึงคะแนนความนิยมของพรรค พปชร.ว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคะแนน แต่เชื่อตน พปชร.มาช้าๆ แต่ถึงเวลาจะเหมือนครั้งที่แล้วซึ่งผลโพลที่ออกมาก็หักปากกาเซียนมาแล้วแน่นอน เพราะเรามีนโยบายบัตรประชารัฐที่จะเพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ทันทีที่ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเราจะมีการเพิ่มการใช้บัตรให้ครอบคลุม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางสาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และอื่นๆ เพื่อให้ความสะดวกสบายกับประชาชนมากขึ้น และเราจะมีการประกันชีวิตในวงเงิน 200,000 บาทต่อรายฟรี
อย่างไรก็ตามพรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร คือจะดูแลเกษตรกรทั่วประเทศ ทั้งชาวไร่ ชาวนา ให้เข้มแข็งด้วยการ ให้ทุนเพื่อประกอบอาชีพ ครอบครัวละ 30,000 บาท ทุกครอบครัว ไม่ว่าจะปลูกพืชอะไรก็ตาม จะได้รับเงินโดยโอน ตรงเข้าบัญชีเกษตรกร ที่มี อยู่กับธนาคารทันที เพื่อจะได้นำไปลงทุน สำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลใหม่