‘ธนาธร’ บุกขอนแก่น พก ‘พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า’ ชูอุดมการณ์แก้เหลื่อมล้ำ เป็นโจทย์เร่งด่วน อัดกลุ่มทุนใหญ่เข้าข้างฝ่ายรัฐประหาร เกาะอำนาจรัฐโกยความมั่งคั่ง โดยไม่สร้างนวัตกรรมใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 ธันวาคม 2565 ที่ Jump Space จ.ขอนแก่น นายศรายุทธ ใจหลัก ผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมงานประชุมสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อพบปะสมาชิกพรรคและรณรงค์การขยายฐานสมาชิกให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง
นายศรายุทธ เริ่มต้นว่า พรรคก้าวไกลวันนี้มีสมาชิกพรรคทั่วประเทศ 57,544 คน เฉพาะที่ขอนแก่นมีสมาชิกพรรค 2,250 คน ในวันต่อๆ ไป เราจะเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรคในขอนแก่นให้มากขึ้น เป็น 5,000 คน 10,000 คน และไปให้ถึง 1,000,000 คน เช่นเดียวกับทุกๆ จังหวัด เพื่อทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งจากฐานสมาชิก เป็นหัวหอกนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างสังคม การเมือง และเศรษฐกิจไทย ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ให้มาร่วมสร้างฐานสมาชิก ร่วมสร้างพรรคไปด้วยกัน
ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาอันดับ 1
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า พรรคการเมืองหนึ่งๆ จะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากแนวอุดมการณ์และแนวนโยบายที่แต่ละคนเห็นตรงกันว่าอยากให้ประเทศไทยไปทางไหน ปัจจุบันปัญหาสำคัญของประเทศไทย คือเรื่องความเหลื่อมล้ำ เวลาเราบอกว่าเศรษฐกิจโตเท่าไหร่ จีดีพีโตกี่เปอร์เซ็นต์ มันไม่เคยบอกว่าที่โตนั้น ไปโตที่ใคร นี่คือเหตุผลที่เราไม่พอใจว่าการเติบโตของเศรษฐกิจมันช้าเกินไป และที่ออกดอกออกผลเติบโต ก็ไปโตที่บางคนเท่านั้น ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเรื่องนี้แยกไม่ออกกับโครงสร้างการพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าใครพูดเรื่องความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่พูดเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองที่ผิดเพี้ยน คนนั้นก็กำลังหลอกตัวเองอยู่
นายธนาธรกล่าวต่อว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำส่งผลกระทบต่อสังคม ใน 20 ปีที่ผ่านมา อัตราเด็กเกิดใหม่จาก 1 ล้านคน/ปี ลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 5 แสนคน/ปี หากตั้งคำถามว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาในสังคมนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ ค่าเฉลี่ยรายได้ของคนที่อยู่ตรงกลางของทั้งประเทศคือ 7,500 บาท/เดือน/คน หรือ 15,000 บาท/เดือน เป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับสามีภรรยาคู่หนึ่งในการเลี้ยงเด็กให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพหรือไม่ เมื่อคนเกิดน้อยลง และประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย หมายความว่าประชากรวัยทำงานตอนนี้และในอนาคตจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เราปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการรับมือที่ชัดเจนเพียงพอได้อย่างไร
อัดทุนใหญ่ เกาะอำนาจรัฐเติมความมั่งคั่ง
ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถาม ว่าทำไมกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของประเทศไทยจึงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ที่ไม่ว่าจะมองทางใด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการรัฐประหารปี 2557 รวมถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจในปัจจุบัน แม้การเป็นบริษัทใหญ่หรือเป็นคนรวย ไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจในตัวมันเอง แต่สิ่งที่น่ารังเกียจคือการเติบโตหรือความมั่งคั่งของคนกลุ่มนี้ ไม่ได้มาจากการผลิตนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสังคม แต่มาจากการยึดเกาะกับอำนาจรัฐ ล็อบบี้นโยบายรัฐ และสร้างกฎหมายผูกขาดให้กับกลุ่มตัวเอง นี่คือความบิดเบี้ยวของประเทศไทย และเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องมีพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นพรรคที่พร้อมต่อสู้กับทุนผูกขาด
“ตลอดการทำงานของเราตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ มีคนเสนอว่าอย่าอภิปรายรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้เลย หรืออย่างน้อยช่วยเปิดข้อสอบก่อนก็ยังดี แล้วเขาก็เสนอเงินหลักล้านให้เราทำ แต่เราไม่รับ เพราะเราเชื่อว่าพรรคการเมืองหนึ่งจะทำเพื่อประชาชนได้ ก็เพราะพรรคการเมืองนั้นถูกสร้างมาจากประชาชนและสมาชิกพรรค และเพราะเราไม่ได้รับเงินพวกเขา เราถึงกล้าเสนอกฎหมายหยุดทุนผูกขาด เราจึงกล้าตัดสินใจได้อย่างอิสระอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ประชาชน” นายธนาธรกล่าว