‘ผู้ว่าหมูป่า-ณรงค์ศักดิ์’ เผยคุย ‘ชัชชาติ’ เพราะต้องการให้การทำงานระหว่างจังหวัดไม่มีรอยต่อ เผยเรื่องน้ำต้องถอดบทเรียน ชี้น้ำที่มามากเกิดจากฝนตกหนักและการผันน้ำจากนครนายกมา รับ ปทุมฯ อ่วมท่วม 70,000 ครัวเรือน พร้อมหารือกทม. อีกหลายประเด็น แจงปมหายหน้าไปจากสื่อช่วงน้ำท่วม เพราะผ่าตัดใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 กันยายน 2565 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า การพูดคุยกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกิดจากการชักชวนเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.65) และนัดพบที่จวนผู้ว่าฯ ปทุมกัน โดยหารือ 5 ประเด็น ได้แก่ 1. น้ำท่วม 2. PM2.5 3.รถติด 4. รถไฟฟ้าและการพัฒนาเมืองในอนาคต และ 5. ความสะอาด เป็นต้น โดยเป็นไปด้วยดีในทุกประเด็น
ที่หารือกัน เพราะไม่ต้องการให้การทำงานระหว่างจังหวัดมีรอยต่อ บางทีส่วนกลางกับภูมิภาค หรือส่วนภูมิภาคกับท้องถิ่น ไม่คุยกัน ทำให้การทำงานสะดุดในหลายๆประเด็น การคุยกันวันนี้ จึงเป็นินมิตหมายที่ดีมากๆ
ถอดบทเรียนน้ำท่วม มาจากฝนตกหนักกว่าปกติ
ในประเด็นน้ำ ได้รับทราบกันดีว่า ในเดือน ก.ย. จะถูกน้ำท่วมหนักทั้งภาพตะวันออกและภาคอีสาน ส่วนภาคกลาง ปีนี้มีหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมแบบไม่เคยคาดคิด เช่น เขตลาดกระบังใน กทม. และเทศบาลนครรังสิต ในจ.ปทุมธานี จึงมาหารือและถอดบทเรียนกัน ซึ่งสาเหตุสำคัญคือ มาจากฝนตกหนักกว่าปกติเช่น ในจ.ปทุมธานี ฝนตกวันเดียว 142 มิลลเมตร และตามมาอีก 50 มิลลิเมตรอีก 3 วัน ทำให้ปริมาณมีจำนวนรวม 50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับกว๊านพะเยา 1 กว๊าน แค่สูบน้ำออกก้แย่แล้ว เพราะในจังหวัดต้องสูบน้ำไปลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ซึ่งมีศักยภาพเพียง 2 เมตร อีกทั้งเครื่องสูบน้ำที่กรมชลประทานให้มา 20 เครื่อง ใช้ได้ 11 เครื่องเท่านั้น
Side Flow จากนครนายก ทำให้ท่วมหนักขึ้น
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ มีปริมาณน้ำที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Side flow) พัดมาจาก จ.นครนายก ซึ่งน้ำส่วนหนึ่งมาจากแม่น้ำบางปะกง ที่มีระดับความสูงมากกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา หากเปิดประตูระบายน้ำ อาจจะทำให้น้ำไหลลงมาได้ ในระยะแค่ 30 กม. จะใช้เวลาพัดมาครู่เดียวเท่านั้น
“หากถามว่าทำไมปล่อยน้ำ Side Flow มาทางนี้ คาดว่าผู้บริหารระดับน้ำในภาพรวม อาจจะไม่อยากให้น้ำไปเติมในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งอย่าลืมว่า ในจ.ชลบุรี และระยอง โดนท่วมหนักทุกปี อีกทั้งเป็นที่ตั้งของระเบียงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ดังกล่าว หากปล่อยมาทางเราก็อาจจะผ่านเพียงทุ่งไร่ทุ่งนา แต่อาจจะลืมคิดไปว่า มันก็ไหลมาเจอที่รังสิตอยู่ดี เราเลยเหมือนเจอน้ำ 2 น้ำไหลมาบรรจบกัน” ผู้ว่าฯ ปทุมธานีกล่าว
แนะ กทม. เตรียมพร่องน้ำคลองเปรมฯ
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวต่อว่า จ.ปทุมธานี ถูกน้ำท่วมกระทบรอบนี้ถึง 70,000 ครัวเรือน ที่ผ่านมาหนักที่สุดก็กระทบแค่ 10,000-20,000 ครัวเรือนเท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็เตรียมเยียวยาตามระเบียบราชการต่อไป ซึ่งเราก็มาถอดบทเรียนร่วมกันกับ กทม. โดยต้องเตรียมการพร่องน้ำ และตอนเหนือของ กทม. บริเวณคลองเปรมประชากร บริเวณเขตหลักสี่ แจ้งวัฒนะ ดอนเมือง และศูนย์ราชการฯ ถูกน้ำท่วมแน่ นอกจากนั้น ช่วงรอยต่อ จ.นนทบุรี-กทม. ให้เฝ้าระวังบริเวณคลองบ้านใหม่ เชื่อว่า หากคุยกันได้ทุกจังหวัด จะไร้รอยต่อ ซึ่งท่านชัชชาติ ก็แนะนำให้ตนเป็นเจ้าภาพในการคุยกันในพื้นที่จังหวัดปริมณฑล
ฝุ่นควันต้องห้ามเผาที่โล่ง จับปรับเด็ดขาด
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่คุยกัน อาทิ ฝุ่นควัน PM2.5 ได้แนะนำนายชัชชาติถึงประสบการณ์สมัยเป็นผู้ว่าฯ จ.เชียงรายและลำปาง โดยเฉพาะการเผาในที่โล่งของภาคเกษตรกรรม เช่น สมัยเป็นผู้ว่าฯ ลำปาง ได้แนะนำเกษตรกรอัดหญ้งฝางเป็นลูกเต๋า แล้วนำไปขายให้โรงงานที่ผลิตไฟฟ้าต่างๆ และพวกโรงปูนที่ใช้การเผาเป็นจำนวนมากแทน แม้จะเป็นวัตถุดิบที่ให้ความร้อนน้อยกว่าวัตถุดิบที่แต่ละโรงงานใช้ แต่ก็ช่วยลดมลพิษได้ หรือใครที่เผาในที่โล่งจะจับกุมส่งฟ้องศาลทันที แต่จะปรับน้อยเพียงรายละ 50-100 บาท เป็นต้น ซึ่งยังมีอีกหลายวิธีที่จะคุยกัน
ส่วนพื้นที่รอบตะเข็บจังหวัดที่มักพบการเผาบ่อยครั้งนั้น ก็อย่างที่บอกไปว่า จะรวบรวมเชื้้อเพลิงทั้งหมดไปเจรจาต่อรองกับโรงงานไฟฟ้า และต้องใจแข็งประกาศห้ามเผาเด็ดขาด 15-30 วัน การจะเผาอะไรต้องมาขอจังหวัดก่อน หรือแม้แต่การสั่งปิดการก่อสร้างงานบางอย่างที่ก่อมลพิษ ตนก็เคยสั่งปิดมาแล้ว ซึ่งต้องบูรณการกัน หรือการตรวจควันดำ ก็ต้องทำ และยิ่งพบรถราชการปล่อยควันดำ ก็ต้องเอามาประณามด้วย
ผังเมือง - จราจร แก้ต่อเนื่อง ให้ไร้รอยต่อ
ขณะที่ประเด็นผังเมือง จุดที่ต่อกันมีสีคนละสี ทั้ง 2 ฝ่ายรับไปปรับปรุงผังเมืองต่อไป และจะคุยกันให้ผังเมืองของทั้ง 2 จังหวัดเชื่อมต่อกัน และช่วยลดข้อถกเถียงต่างๆลง เช่น ทำไม กทม. ก่อสร้างโรงงานได้ แต่ทำไม จ.ปทุมธานีเป็นฟลัดเวย์ เป็นต้น
เรื่องที่มีการคุยกันอีก คือ การจราจร รับปากกับ กทม. ว่าจะช่วยเร่งรัดการก่อสร้างในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อไม่ให้รถติดในถนนวิภาวดีรังสิตและพหลโยธิน โดยเฉพาะช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และทางจ. ปทุมธานี ก็พร้อมจะลอกท่อให้อีกรอบหนึ่งด้วย เป็นต้น รวมถึงการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าด้วย ก็คุยกันอีกหลายเรื่อง
“บริเวณ อนุสรณ์สถาน เดิมมันเหมือนกับพื้นที่ใครพื้นที่มัน น้ำล้นทางไหน ฝั่งนั้นก็พยายามสูบคืนกลับมา ฝั่งใครฝั่งมัน ตอนนี้คุยกันแล้ว ก็จะคุยกับลูกทีมให้เข้าใจ หากกทม.ให้ผ่านได้ ก็สูบไหลไป กทม. แต่หากไม่ไหว ปทุมธานี ก็พร้อมรับมา” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมถึงเลือกคุยกับผู้ว่าฯ ปทุมธานีเป็นจังหวัดแรก นางณรงค์ศักดิ์ ตอบว่า อาจจะเพราะว่าตนคุ้นเคยกับ นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ พี่ชายนายชัชชาติก็ได้
แจงหายหน้าไป เพราะผ่าตัดใหญ่
เมื่อถามอีกว่า ช่วงที่น้ำท่วมหนัก 2-3 สัปดาห์ มีคนเรียกหาท่านผู้ว่าฯ นายณรงค์ศักดิ์ ตอบว่า ช่วงนั้นเข้ารับการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แต่ตอนนี้กลับมาทำงานแล้ว ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลก็ติดต่อกับท่านนายกอบจ. (พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง) หัวหน้าส่วน ตำรวจ และทหาร ตนโทรหาหมด เพราะหลายเรื่องต้องขอความร่วมมือ โดยผู้ว่าจังหวัดในฐานะผู้บังคับบัญชาการสูงสุด ต้องลงไปขอเอง ไม่อย่างนั้นงานจะลำบาก
เมื่อถามอีกว่า มีโปรเจ็กต์อะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นายณรงค์ศักดิ์ตอบว่า เป็นโครงการที่ กทม. คิด ก็คงต้องไปเสนอตามขั้นตอนของ กทม. เอง
“ตอนนี้กลับมาแล้วครับ (หัวเราะ) เต็มที่ครับ ถึงแม้เพิ่งจะออกจาโรงพยาบาลก็จะสู้ครับ” นายณรงค์ศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย