ศบศ.เห็นชอบให้ จ.ภูเก็ต เปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ย้ำไม่ต้องกักตัว แต่มีเงื่อนต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแล้ว โดยเปิดให้เที่ยวเฉพาะพื้นที่จำกัด ก่อนขยายผลเปิดทั้งจังหวัด 1 ก.ค. ขณะเดียวกันขอให้จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ เสนอแผน - ความพร้อมรับมือต่างชาติได้ ด้านนายกฯ หวังทุกฝ่ายร่วมดันจีดีพีโต 4% ในปีนี้
.............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโควิด (ศบศ.) ครั้งที่ 1/2564 โดยจะเป็นการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด เพื่อพิจารณาแนวทางในการกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมในการแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางความเป็นไปได้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบการธุรกิจ และการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จำเป็นจะต้องดูทั้งเรื่องของปัญหาสุขภาพ และเศรษฐกิจไปพร้อมกัน โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของวัคซีน ได้รับรายงานว่า วันนี้มีการนำวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข้ามา ซึ่งฉีดเพียงเข็มเดียว ถือเป็นสินค้าในภาวะฉุกเฉินก่อนในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้กีดกันหรือจำกัดใครทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนไปมากพอสมควรแล้ว ไม่ใช่เป็นการไปแจกเงิน แต่เป็นการทำให้ทุกคนดำรงชีพอยู่ได้ สนับสนุนห่วงโซ่ในการใช้จ่ายในสังคม ผู้ผลิต วัตถุดิบ ถ้าคนไม่มีกำลังซื้อก็ต้องทำแบบนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจด้วย ต้องช่วยกัน ในเรื่องของการลงทุนใหม่ ลงทุนในประเทศ จำนวนเงินออมในประเทศเพิ่มขึ้นหลายแสนล้าน ไม่ใช่ไม่มีสตางค์ คนมีสตางค์ก็มี แต่ต้องเอามาใช้จ่าย เอามาช่วยลงทุนบ้าง เนื่องจากรัฐบาลก็มีเงินจำกัด เงินในส่วนของงบประมาณแผ่นดิน ส่วนรัฐวิสาหกิจก็ต้องเร่งลงทุนไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คาดการณ์ว่าถ้าทุกภาคส่วน หอการค้า ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล และธุรกิจเอกชนต้องร่วมมือกันในทุกมิติ น่าจะดันจีดีพีของประเทศให้ขึ้นถึงร้อยละ 4 ได้ ภายในปีนี้และปีหน้า โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องทำลายอุปสรรคตรงนี้ให้ได้ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งกล่าว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยว โดยล่าสุดจะเปิดจังหวัดภูเก็ตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจังหวัดภูเก็ตรายได้หลักคือนักท่องเที่ยว
ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยหลังว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด ครบแล้วเข้าท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยได้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 โดยให้เป็นการท่องเที่ยวในพื้นที่จำกัด เริ่มจากพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยไม่ต้องเป็นการกักตัวในโรงแรมอย่างเดียว แต่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในพื้นที่มีการกำหนดไว้ และในเดือน ก.ค.2564 จะมีการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วจังหวัดภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว เรียกว่า Phuket Sandbox
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโรค (WHO) มีการตรวจโควิดตามขั้นตอนที่ได้มีการกำหนดไว้ รวมทั้งให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพื่อติดตามการเดินทางให้ไปในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น สำหรับในพื้นที่อื่นๆที่พึ่งพารายได้การท่องเที่ยวจากต่างชาติสูงได้แก่ จ.กระบี่ จ.พังงา พื้นที่เกาะสมุย พื้นที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี และจ.เชียงใหม่ สามารถทำได้เหมือนกับในจังหวัดภูเก็ตเช่นกันแต่ต้องเสนอแผน ความพร้อมมายังรัฐบาลซึ่งรวมทั้งแผนการปรับปรุงพื้นที่ ดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อให้รัฐบาลกระจายวัคซีนลงไปเพิ่มเติมซึ่งตามหลักต้องมีวัคซีนให้ถึง 70% ของประชากรในพื้นที่ทั้งประชากรหลักและประชากรแฝงซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะประกอบการอนุมัติให้เปิดการท่องเที่ยวรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ด้วย
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เร็วขึ้นตามแผนที่ได้รับความเห็นชอบจาก ศบศ.ในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ตในไตรมาสที่ 3 ได้ประมาณ 1 แสนคน ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
นายดนุชา กล่าวถึงส่วนจะสามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมที่ ว่า สศช.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 3 ล้านคนในปีนี้หรือไม่นั้นต้องดูในเรื่องของผลตอบรับจากที่มีการทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ตก่อนว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตามเป้าหมายหรือไม่ รวมทั้งต้องดูว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะเป็นกลุ่มที่ใช้เงินสูงหรือไม่ถ้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงก็จะช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบศ. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2563 ให้พิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการเร่งด่วน และจัดทำแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้ มาตรการระยะสั้น มุ่งเน้นการเปิดเมืองภูเก็ตให้พร้อมรับนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการนำร่องการเปิดประเทศ และการพัฒนาสู่การท่องเที่ยวแบบเน้นคุณภาพ เติบโตอย่างยั่งยืน และมาตรการระยะยาว ได้มอบหมายให้ สศช. จัดทำแผนพัฒนาภูเก็ตอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้อยู่
ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็น คาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนพัฒนาภูเก็ตอย่างยั่งยืนให้ ศบศ.พิจารณาได้ภายในเดือน ก.ค. 2564
อีกทั้งรับทราบความคืบหน้ามาตรการเศรฐกิจที่สำคัญ อาทิเช่น โครงการคนละครึ่ง ความคืบหน้าล่าสุด จากข้อมูลวันที่ 22 มี.ค.2564 มีกิจการลงทะเบียนรวมทั้งหมด 1.57 ล้านร้าน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 แบ่งเป็น กิจการที่ลงทะเบียนสำเร็จ จำนวน 1.17 ล้านร้าน กิจการที่รอดำเนินการตรวจสอบ จำนวน 14,998 ร้าน และกลุ่มไม่เข้าเงื่อนไข 8,354 ร้าน ทั้งนี้มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด 14.79 ล้านราย โดยเป็นผู้ใช้สิทธิครบ 3,500 บาท 6.38 ล้านราย สำหรับสถิติการใช้จ่ายรวมตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.2563 พบว่า มียอดการใช้จ่ายรวม 99,136 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายส่วนประชาชน 50,751 ล้านบาท และส่วนที่รัฐช่วยจ่าย 48,385 ล้านบาท
โครงการเราชนะ ความคืบหน้าล่าสุด จากข้อมูลวันที่ 22 มี.ค.2564 มีกิจการลงทะเบียนรวมทั้งหมด 1.23 ล้านร้าน ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.2564 แบ่งเป็น กลุ่มที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว 1.18 ล้านร้าน รอดำเนินการตรวจสอบ 17,778 ร้าน ถูกปฏิเสธการลงทะเบียน 2,142 ร้าน และติดต่อไม่ได้/ไม่สนเข้าร่วมโครงการ 24,200 ร้าน ส่วนการใช้จ่าย มีมูลค่ารวม 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มบัตรสวัสดิการจำนวน 13.6 ล้านคน มียอดใช้ จ่ายสะสม 5.82 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 1.25 พันล้านบาทต่อวัน กลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังจำนวน 16.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสม 8.27 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 2.26 พันล้านบาทต่อวัน และกลุ่มผู้ใช้บัตร ประชาชนจำนวน 1.49 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสม 6.89 พันล้านบาท เฉลี่ย 690.9 ล้านบาทต่อวัน
มาตรการด้านแรงงาน ประกอบด้วย มาตรการการบรรจุงานจากโครงการ Job Expo Thailand 2020 พบว่า มีการบรรจุงานทั้งหมด 1.04 ล้านราย ประกอบด้วย การบรรจุงานของภาครัฐ 614,688 ราย ภาคเอกชน 392,457 ราย และภาคต่างประเทศ 16,723 ราย มาตรการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและภาคเอกชน (Co-Payment)
พบว่า มีการบรรจุงานทั้งหมด 17,643 ราย จากเป้าหมายทั้งหมด 260,000 อัตรา มาตรการม33 เรารักกัน มีความคืบหน้าล่าสุด จากข้อมูลวันที่ 22 มี.ค.2564 มีผู้ลงทะเบียนจำนวนทั้งสิ้น 8.20 ล้านคน มีการใช้จ่ายเงิน 1.47 ล้านราย มีร้านค้าที่ให้บริการ 458,288 ราย มีรายการที่ใช้จ่าย 2.18 ล้านรายการ มีมูลค่ายอดการใช้จ่ายทั้งหมด 748.20 ล้านบาท
มาตรการลดหย่อนอัตราเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 และมาตรการให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยเพื่อชะลอการเลิกจ้าง จากข้อมูลวันที่ 15 มี.ค.2564 มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ 66,547 คน มูลค่า 506.93 ล้านบาท
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage