ที่ประชุม ศบศ.ไฟเขียวเดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ขยายวงเงินจาก 3,000 เป็น 3,500 บาท เปิดให้คนลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านสิทธิ์ ส่วน 10 ล้านสิทธิ์เดิม ได้รับเงินเพิ่ม 500 บาท ทั้งนี้ให้ใช้สิทธิ์ได้ถึงสิ้นเดือน มี.ค.64 ทั้งนี้ยังเพิ่มเงิน 500 ในบัตรคนจนอีก 3 เดือน คาดใช้งบประมาณ 2 โครงการรวม 43,500 ล้านบาท
----------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 โดยมีรูปแบบดำเนินการแบบเดิม คือ รัฐร่วมจ่าย 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน ทั้งนี้จะเปิดรับลงทะเบียนเพิ่มอีก 5 ล้านสิทธิ์ เพิ่มวงเงินเป็น 3,500 บาท ส่วนผู้ลงทะเบียนเดิม 10 ล้านสิทธิ์จะได้รับการเพิ่มเงินอีก 500 บาท โดยมีระยะเวลาการใช้สิทธิ์ในโครงการถึงสิ้นเดือน มี.ค.2564 รวมวงเงินงบประมาณ 22,500 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีมติเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 500 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.- มี.ค.64 รวมวงเงินงบประมาณ 21,000 ล้านบาท รวม 43,500 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขยายสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเพิ่มจำนวนพักอีก 1 ล้านห้องเป็น 6 ล้านห้อง ปรับปรุงขอบเขตการใช้สิทธ์จากเดิมไม่เกิน 10 คืนต่อคนเป็น 15 คืนต่อคน พร้อมทั้งขยายเวลาโครงการถึงเดือน เม.ย.2564 ทั้งนี้ยังปรับปรุงหลักเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินที่รัฐสนับสนุน 40% แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ ปรับเป็น 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ์ เฉพาะการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย
นายยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวชัดเจน มีอัตราเข้าพักเดือน ต.ค.อยู่ที่ 34% ขณะที่ก่อนหน้านี้มีจุดวิกฤติอยู่ที่ 28% โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวคนไทยเดือน ต.ค.มีมากถึง 15.57 ล้านคน ใกล้เคียงเดือน ต.ค.2562 ที่มีการเดินทาง 20.68 ล้านคน สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกันจนถึง 29 พ.ย. มีการลงทะเบียนสำเร็จ 6.44 ล้านคน โดยเป็นการลงทะเบียนเพิ่ม 1.5 แสนคนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยมีผู้ใช้สิทธิ์ไปแล้ว 4.06 ล้านสิทธิ์เป็นการใช้สิท์ 5 แสนห้องในช่วง 7 วันที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายของประชาชน 6.7 พันล้านบาท ภาครัฐสนับสนุน 4.1 พันล้านบาท คิดเป็นค่าห้องเฉลี่ย 2,778 บาทต่อคืน ในภาพรวมตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อ ก.ค.2563 มีเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.5 หมื่นล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการโครงการเที่ยวไทย วัยเก๋า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในกลุ่มที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ได้รับ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ โดยให้ดำเนินการในรูปแบบเดียวกันกับโครงการกำลังใจ ทั้งนี้ต้องมีเงื่อนไขหลักเกณฑ์เป็นผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ต้องเดินทางข้ามจังหวัดในวันธรรมดา เป็นการซื้อทัวร์ผ่านบริษัทนำเที่ยว ราคาแพคเก็จทัวร์ไม่น้อยกว่า 12,500 บาท ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยรัฐจะสนับสนุนเงินไม่เกิน 40% หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน โดยคาดว่าจะดำเนินโครงการ 3 เดือน ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage