
‘บีโอไอ’ เปิดรับฟังความคิดเห็นฯ ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ‘อุตสาหกรรมเป้าหมาย’ ให้สิทธิประโยชน์ ‘เครดิตภาษี’ 'บ.ข้ามชาติ' ขนาดใหญ่ หลัง OECD ออกข้อเสนอเก็บภาษี ‘Pillar 2’ ที่อัตรา 15%
.................................
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
โดยกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีอำนาจให้สิทธิและประโยชน์ในรูปแบบเครดิตภาษี และกำหนดกลไกในการคืนเครดิตภาษีที่เหลืออยู่ในรูปแบบเงินสดภายในระยะเวลาที่กำหนดนับจากวันที่กำหนด รวมถึงขอรับจัดสรรงบประมาณที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับการจ่ายคืนเครดิตภาษีที่เหลืออยู่ดังกล่าว นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เป็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 29 ก.ย.2568
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังกล่าว ประกอบด้วย 11 มาตรา ดังนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....”
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “เครดิตภาษี” และ “เครดิตภาษีที่เหลืออยู่” ในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“เครดิตภาษี” หมายความว่า มูลค่าเครดิตภาษีที่นำไปใช้แทนการชำระภาษีอากรภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
“เครดิตภาษีที่เหลืออยู่” หมายความว่า เครดิตภาษีที่เหลืออยู่หลังหักส่วนที่นำไปใช้แทนการชำระภาษีอากรแล้ว และผู้ได้รับการส่งเสริมสามารถขอรับคืนเป็นเงินสดได้ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความใน (6) ของมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(6) อนุมัติการจ่ายเงินสนับสนุนและการคืนเงินสดสำหรับเครดิตภาษีที่เหลืออยู่จากกองทุน”
มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 12/1 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“มาตรา 12/1 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนและการประเมินผลการลงทุน สำนักงานอาจขอให้กระทรวงการคลังจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรตามกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้อง”
มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 23/1 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“มาตรา 23/1 ภายใต้มาตรา 23 เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุน หรือค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านของกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจกำหนดให้เงินลงทุนและค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นสิทธิและประโยชน์เครดิตภาษีเพื่อให้นำไปใช้แทนการชำระภาษีอากรที่เกิดขึ้นของผู้ได้รับการส่งเสริมหรือนิติบุคคลในเครือกับหน่วยงานของรัฐผู้จัดเก็บภาษีอากรดังกล่าวได้ ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดค่าใช้จ่ายในการลงทุนซึ่งได้รับเงินสนับสนุนตามมาตรา 26 ไม่ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์เครดิตภาษีตามวรรคหนึ่ง
การอนุมัติให้สิทธิและประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบาย โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด”
มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 26/1 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“มาตรา 26/1 ภายใต้มาตรา 23/1 คณะกรรมการนโยบายอาจพิจารณาให้คืนเงินสด สำหรับเครดิตภาษีที่เหลืออยู่จากกองทุนแก่ผู้ได้รับการส่งเสริมตามพระราชบัญญัตินี้
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุมัติการคืนเงินสดสำหรับเครดิตภาษีที่เหลืออยู่จากกองทุนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด”
มาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 27/1 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“มาตรา 27/1 ในกรณีที่คณะกรรมการนโยบายสั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์เกี่ยวกับเครดิตภาษี ให้ถือว่าผู้ได้รับการส่งเสริมหมดสิทธิได้รับเครดิตภาษีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์นั้น และให้นำกฎหมายภาษีอากรที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับ”
มาตรา 9 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“ในกรณีที่กองทุนมีจำนวนเงินไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน และค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสม รัฐพึงจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเข้าสมทบกองทุนเท่าจำนวนที่จำเป็น”
มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 30 เงินกองทุนให้ใช้จ่ายเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน ดังต่อไปนี้
(1) เป็นเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุน การวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมนวัตกรรมหรือการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านของกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
(2) เป็นการจ่ายคืนเงินสดสำหรับเครดิตภาษีที่เหลืออยู่จากกองทุนแก่ผู้ได้รับการส่งเสริมที่ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรา 23/1
(3) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุนตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด
การจ่ายเงินสนับสนุนตาม (1) และการจ่ายคืนเงินสดสำหรับเครดิตภาษีที่เหลืออยู่ตาม (2) ได้ ต้องปรากฏว่าผู้ได้รับการส่งเสริมได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายกำหนดไว้แล้ว”
มาตรา 11 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
“มาตรา 39 หากคณะกรรมการนโยบายเห็นว่ามีเหตุจำเป็น จะกำหนดให้สิทธิและประโยชน์เครดิตภาษีสำหรับการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายตามมาตรา 23/1 ที่เกิดขึ้นย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568 ก็ได้”
“เนื่องจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก ได้จัดทำข้อเสนอแนวการจัดเก็บภาษีในยุคดิจิทัล Pillar 2 โดยกำหนดให้กลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีรายได้ตั้งแต่ 750 ล้านยูโรขึ้นไป (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีขั้นต่ำ (Global Minimum Tax: GMT) ในอัตราร้อยละ 15
ในกรณีที่บริษัทในเครือในประเทศใดมีอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax Rate: ETR) ต่ำกว่าร้อยละ 15 ก็จะมีกระบวนการให้ประเทศนั้น หรือประเทศของบริษัทแม่ หรือประเทศของบริษัทในเครือสามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม (Domestic Top-up Tax) ให้ครบตามอัตราภาษีขั้นต่ำ โดยให้สิทธิจัดเก็บภาษีตามลำดับข้างต้น
ฉะนั้น เพื่อให้ประเทศไทยออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ และสามารถแข่งขันในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเห็นว่า ควรดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560
โดยการให้สิทธิและประโยชน์ในรูปแบบเครดิตภาษี (Qualified Refundable Tax Credit: QRTC) เพื่อเพิ่มเครื่องมือในการชักจูงให้ผู้ประกอบการลงทุนในอุตสากรรมเป้าหมายต่อไป” สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ระบุถึงที่มาของการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
อ่านเพิ่มเติม : พระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สําหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา)
