
‘ครม.’ ไฟเขียวตั้งกองทุน ‘Thai ESGX’ เปิดทางผู้ถือ ‘หน่วยลงทุน LTF’ โยกเงิน 1.8 แสนล้าน เข้ากองทุนใหม่ เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีฯสูงสุด 5 แสนบาท ดัน ‘ดัชนีฯหุ้นไทย’ ภาคบ่ายพลิกปิดบวก 10 จุด
......................................
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย
“ที่ผ่านมา รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนกองทุน LTF ซึ่งเป็นที่นิยมมายาวนาน เนื่องจากช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยต้องถือครองตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 5 ปี หรือ 7 ปี อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเหลือ 1,200 จุด นักลงทุนส่วนใหญ่ที่มีฐานะระดับหนึ่งกำลังพิจารณาทางเลือกในการลงทุนต่อไป
รัฐบาลจึงเสนอกองทุน Thai ESGX เพื่อให้ผู้ถือ LTF ปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่า 180,000 ล้านบาท มีทางเลือกเพิ่มเติม โดยสามารถย้ายการลงทุนมาอยู่ในกองทุน Thai ESGX ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สูงสุด 500,000 บาท โดยกำหนดให้ใช้สิทธิในปี 2568 ได้ 300,000 บาท และปีที่ 2-5 ใช้สิทธิได้ปีละ 50,000 บาท รวมเป็น 200,000 บาท” นายพิชัย ระบุ
นายพิชัย ยังกล่าวว่า รัฐบาลยังเปิดโอกาสให้เม็ดเงินใหม่เข้าสู่กองทุน Thai ESGX โดยกำหนดให้สามารถลงทุนหลัง ครม. อนุมัติ และเปิดให้ลงทุนในช่วง พ.ค.-มิ.ย. ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษี 300,000 บาท
นายพิชัย กล่าวถึงมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเร่งทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียนเกี่ยวกับ เกณฑ์ ESG และปรับปรุงมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ รวมถึงติดตามบริษัทในกลุ่ม SET50 และ SET100 อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอยู่ระหว่างการออกกฎหมายเพื่อให้ สำนักงาน ก.ล.ต. มีอำนาจดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อกรณีที่มีการลงทุนไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนรายย่อย โดยคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในเร็วๆนี้
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund: LTF) ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) โดยมาตรการดังกล่าว มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
1.จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จัดตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่ โดยยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของ NAV
ทั้งนี้ บลจ. จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของ LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ. เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป
2.มาตรการภาษีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามร่างกฎกระทรวงฯ ประกอบด้วย
2.1 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
2.1.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี
1) เงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งวันที่ 1 พฤษภาคม – วันที่ 30 มิถุนายน 2568
2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.1.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ผู้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
2.2 การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX
2.2.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษี
1) มูลค่าของหน่วยลงทุนทั้งหมดที่ผู้มีเงินได้ถือในกองทุน LTF และได้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยปีภาษี 2568 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และปีภาษี 2569-2572 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี กล่าวคือ ไม่เกินปีละ 50,000 บาท
2) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนตามข้อ 1) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2.2.2 เงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF จะต้องแสดงความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดในกองทุน LTF ทั้งจำนวนเป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุน Thai ESGX เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2568 โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ทั้งนี้ การคำนวณเงินได้ที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใช้จำนวนหน่วยลงทุน ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ และมูลค่าหน่วยลงทุนให้ถือราคา ณ วันที่แจ้งความประสงค์
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป ในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX เป็นวงเงินเพิ่มเติมจากวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG และสำหรับในปี 2569 เป็นต้นไป วงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกองทุน Thai ESGX จะรวมอยู่ในวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดียวกับวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันสำหรับกองทุน Thai ESG
“ร่างกฎกระทรวงฯ จะช่วยเพิ่มการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนไม่ให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน”นายพรชัย กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (11 มี.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาดในช่วงเช้าที่ 1,169.99 จุด ลดลง 7.45 จุด (-0.63%) มูลค่าซื้อขาย 20,026.47 ล้านบาท และมีแรงซื้อกลับในช่วงบ่าย โดยหลังจาก ครม.มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX ดัชนีฯช่วงบ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น และปิดตลาดที่ 1,187.63 จุด เพิ่มขึ้น 10.19 จุด หรือ 0.87% ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) และความไม่แน่นอนของสงครามการค้า
