ครม.ไฟเขียว ‘โครงการ PGS ระยะ 11-สินเชื่อ IGNITE THAILAND’ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กว่า 8 หมื่นราย เข้าถึงสินเชื่อกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท พร้อมอนุมัติจัดสรรงบชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกัน-ชดเชยดอกเบี้ยกว่า 8.2 พันล้าน
................................
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ รวม 2 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (โครงการ PGS) ระยะที่ 11 วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท และ 2.โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติงบประมาณ วงเงินไม่เกิน 7,125 ล้านบาท ให้กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อนำไปจ่ายชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อแทน SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ PGS ระยะที่ 11 พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณ จำนวน 1,150 ล้านบาท สำหรับชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND หรือจัดสรรงบประมาณชดเชยทั้ง 2 มาตรการ รวม 8,275 ล้านบาท
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 จะเน้นให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่รัฐบาลสนับสนุน และผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ และช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินในการให้สินเชื่อ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมาย สามารถยื่นขอรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อฯได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2568 โดยมีวงเงินค้ำประกันต่อราย ไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อรายรวมทุกสถาบันการเงิน และมีอายุการค้ำประกันสินเชื่อไม่เกิน 10 ปี ขณะที่กรอบวงเงินค่าประกันชดเชยตลอดโครงการฯ 1.5 หมื่นล้านบาทนั้น จะมาจาก 2 ส่วน คือ เงินชดเชยจากรัฐบาลไม่เกิน 7,125 ล้านบาท และรายได้จากค่าธรรมเนียมการค้ำประกันฯที่เรียกจาก SMEs ไม่เกิน 7,875 ล้านบาท
นายชัย กล่าวว่า ในการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ 11 คาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 76,900 ราย หรือเฉลี่ย 0.65 ล้านบาทต่อราย และก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท หรือ 1.2 เท่าของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท
นายชัย ระบุว่า สำหรับการดำเนินโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท นั้น เป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND จำนวน 3 กลุ่ม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้ ประกอบด้วย ศูนย์กลางการท่องเที่ยว วงเงิน 1,500 ล้านบาท ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ วงเงิน 1,500 ล้านบาท และศูนย์กลางอาหาร วงเงิน 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SME กลุ่มเป้าหมาย ต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน ,ประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และปัจจุบันยังประกอบกิจการ ,มีความสามารถในการชำระหนี้ตามที่ธนาคารออมสินกำหนด ,วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท และระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้น (Grace Period) สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
โดยผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมายสามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2568 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อรวมในโครงการจะหมด แล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน โดยให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธ.ค.2569 นอกจากนี้ ในการดำเนินโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND ดังกล่าว บสย.จะค้ำประกันสินเชื่อฯต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท และมีอายุการค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น
นายชัย กล่าวว่า การดำเนินการโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND คาดว่าจะมีผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมาย ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,660 ราย หรือวงเงินสินเชื่อเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย และก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท