‘สอ.กฟผ.’ แจงสมาชิกฯ หลังพบ ‘เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน’ ทุจริตเบิกเงินค่าใช้จ่าย 18 ล้าน ล่าสุด ‘ผู้กระทำผิด’ มอบตัว-ส่งคืนทรัพย์สินแล้ว 16 ล้าน ขณะที่ ‘บอร์ดสหกรณ์ฯ’ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและให้รายงานผลสอบต่อที่ประชุมใหญ่ 14 ก.พ.นี้
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (สอ.กฟผ.) ออกเอกสารข่าวถึงสมาชิกฯ แจ้งเรื่องการตรวจพบการกระทำทุจริตของเจ้าหน้าที่ใน สอ.กฟผ. หลังจากเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2566 ทาง สอ.กฟผ. ได้ทำการทดสอบความถูกต้องของรายการในระบบงานฯ และตรวจพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น
นางสิริวรรณ วิชญาเดชะ ผู้จัดการใหญ่ สอ.กฟผ. ระบุว่า หลังจาก สอ.กฟผ. พบข้อบ่งชี้การกระทำทุจริตดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ได้รายงานเรื่องนี้ให้กรรมการและผู้จัดการใหญ่ สอ.กฟผ. ทราบทันที ขณะที่กรรมการและผู้จัดการใหญ่ สอ.กฟผ. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบขยายผลอย่างเร่งด่วน จนสามารถสรุปผลการตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่า ผู้กระทำการทุจริตเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูง ฝ่ายการเงิน กระทำความผิดปรากฏชัดแจ้ง
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ฯรายนี้ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งกระทำการทุจริต โดยปลอมแปลงเอกสารและตกแต่งรายการค่าใช้จ่ายในระบบงาน เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีของตนเอง ทำให้ สอ.กฟผ. เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม การกระทำทุจริตดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีเงินฝากของสมาชิกแต่อย่างใด
นางสิริวรรณ ระบุต่อว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2566 สอ.กฟผ. เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำการทุจริตที่สถานีตำรวจภูธรบางกรวย จ.นนทบุรี พร้อมทั้งอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารและบัญชีเงินฝากสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาวันที่ 25 ม.ค.2566 ผู้กระทำการทุจริตได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ พร้อมทั้งลงนามในบันทึกคำรับสารภาพ และนำโฉนดที่ดิน รถยนต์ของผู้กระทำการทุจริตมามอบให้ สอ.กฟผ. จัดเก็บไว้
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 35 ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 26 ม.ค.2566 ได้นำเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมพิจารณา และที่ประชุมฯมีมติ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน โดยมีรายชื่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วย กรรมการ และผู้แทน กฟผ. ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมาย และด้านการตรวจสอบ ดังนี้
1.นายพูนสุข โตชนาการ รองประธานกรรมการคนที่ 1 (ประธาน) 2.นางแก้วตา ชาญชัยศรีสกุล ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงและตรวจสอบ 3.นายปิยพงศ์ วรกี กรรมการ (ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ : ชหท.) 4.นายธฤต จอมใจธิปิ นักคอมพิวเตอร์ระดับ 10 ชหท.
5.นางกรรณิการ์ พิมพ์สอ หัวหน้าสายตรวจสอบภายใน 1 สำนักงานตรวจสอบภายใน 6.นายสุรจิต เจริญยศ ฝ่ายกฎหมาย กฟผ. 7.นายกฤชพงศ์ ธรรมานุกรศรี ผู้ตรวจสอบภายใน สอ.กฟผ. โดยมี นางอัจฉรี เด่นสิริมงคล ผู้แทนผู้ตรวจสอบกิจการ สอ.กฟผ. เข้าร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้ คณะกรรมการดำเนินการฯได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เร่งดำเนินการสอบสวนและกำหนดมาตรการป้องกัน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดี เพื่อให้สามารถสรุปรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในวันที่ 14 ก.พ.2566
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา สอ.กฟผ. สรุปข้อมูลความเสียหายจากการกระทำทุจริตของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูงฯรายดังกล่าว เบื้องต้นพบว่า มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท โดยเป็นการจัดทำรายการเบิกค่าใช้จ่ายเกินความเป็นจริง และทำการอนุมัติจ่ายให้กับตนเอง จำนวน 8 ครั้ง ระหว่างวันที่ 6-26 ธ.ค.2565 ซึ่งเป็นอนุมัติจ่ายเงินในช่วงที่มีการปรับปรุงระบบ ทำให้ขณะนั้นฝ่ายบัญชียังไม่สามารถตรวจสอบ (Cross check) ได้
อย่างไรก็ตาม กรณีการกระทำทุจริตของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูงฯรายนี้ มีความผิดปกติที่ชัดเจน คือ เป็นการอนุมัติเบิกเงินนอกเวลาราชการ และมียอดเงินสูงขึ้นผิดปกติ อีกทั้งเป็นการอนุมัติจ่ายเงินเข้าบัญชีตนเอง ซึ่งตามคำสั่งแล้วห้ามไม่ให้ทำ
ขณะที่การติดตามคดีและทรัพย์สิน นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฯผู้กระทำการทุจริตได้รับสารภาพแล้ว และได้มีการยึดและอายัดทรัพย์ของผู้กระทำทุจริต ได้แก่ อายัดเงิน 1.2 ล้านบาท ,อายัดเงินที่ฝากไว้กับ สอ.กฟผ. 4.8 ล้านบาท ,ยึดหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม (ซื้อใหม่) ราคาประมาณ 9 ล้านบาท ,ยึดรถยนต์ (ใหม่) ราคาประมาณ 1 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทรัพย์ไว้ทั้งสิ้นประมาณ 16 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่นั้น เบื้องต้น สอ.กฟผ. มีแนวทางว่า จะมีการเพิ่มระบบป้องกัน และเมื่อมีคำสั่งห้าม ระบบจะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ นอกจากนี้ ควรให้ฝ่ายบัญชีต้องตรวจสอบฝ่ายการเงินได้ และฝ่ายบัญชีต้องสามารถ View ระบบได้ เป็นต้น
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 สอ.กฟผ. มีทรัพย์สินรวม 138,914.30 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 84,307.69 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นเงินรับฝาก 83,007.21 ล้านบาท ขณะที่มีทุนของสหกรณ์ จำนวน 54,606.61 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นทุนเรือนหุ้น (หุ้นละ 10 บาท) 53,391.22 ล้านบาท และทุนสำรอง 4,486.49 ล้านบาท