สถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัส โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อีก 19 ราย รักษาหายกลับบ้าน 2,108 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,811 ราย ใน 68 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 1 คน รวมเสียชีวิตสะสม 48 คน
วันที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 11.30 น.นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 19 ราย รักษาหายกลับบ้าน 2,108 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,811 ราย ใน 68 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 1 คน (อายุ 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ประวัติเสี่ยงรับส่งผู้โดยสารไปดูมวยที่สนามมวยลุมพีนี) รวมเสียชีวิตสะสม 48 คน
"ผลของวันนี้มาจาก 14 วันที่แล้ว ที่ประชาชนร่วมมือกันอย่างดี อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ขณะที่ผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 655 ราย ทำให้เตียงผู้ป่วยว่างหลายแห่ง"
โฆษก ศบค. กล่าวถึงอันดับจังหวัดที่รับรักษาผู้ป่วยยืนยันสะสมโรคโควิด-19 10 จังหวัดแรก ยังคงเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ ยะลา ปัตตานี ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ และปทุมธานี
ทั้งนี้ มี 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย (รวม จ.สตูล เพราะรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ มากักกัน และพบผู้ปวย) และมี 36 จังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยในรอบ 14 วันที่ผ่านมา (7-20 เมษายน)
จำนวนผู้ป่วยยืนยันจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง 2 สัปดาห์ล่าสุด พบว่า กลุ่มก้อนใหญ่ เดินทางจากต่างประเทศ อาชีพเสี่ยง ไปสถานที่ชุมชน
หากจำแนกตามอาชีพ พบ อาชีพรับจ้างทั่วไป ฟรีแลนด์ ค้าขาย ธุรกิจส่วนตัว พนักงานบริษัท โรงงาน สถานบันเทิง นักเรียน นักศึกษา เป็นพาหนะนำโรค
บทเรียนจากสิงคโปร์
โฆษกศบค. กล่าวถึงตัวเลขสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยัน 2.4 ล้านคน เสียชีวิต 1.7 แสนคน สหรัฐฯ คงอันดับหนึ่งทั้งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ประเทศกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ยังมีผู้ติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น
บทเรียนจากสิงคโปร์ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า กราฟที่ชันขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน ซึ่งสิงคโปร์มีแรงงานต่างด้าวมากถึง 3.2 แสนคน ขณะที่ลักษณะหอพักทั้งประเทศมีอยู่ 43 แห่ง โดยหอพักขนาดใหญ่มีคนอยู่เป็นพันๆ คน และสภาพแออัด โดยรายแรกที่ติดเชื้อเป็นชาวบังคลาเทศ จากนั้นติดเชื้อกลุ่มก้อนใหญ่เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พบติดเชื้อโควิด 4 คน จนมาพบผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนพันคนในเวลาอันรวดเร็ว
"แรงงานต่างด้าวในสิงคโปร์ทุกคน ยังคงได้รับค่าจ้างระหว่างกักกันนี้ มีทีมดูแล และมีการเคลื่อนย้ายแรงงานที่หายดีแล้วให้ไปอยู่บนเรือ"
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นแรงงานต่างด้าว สำหรับประเทศไทยนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดูแลชีวิตความเป็นอยู่ โดยเน้นย้ำให้มีระยะห่างทางสังคม และส่งเสริมให้มีพนักงานสาธารณสุขต่างด้าว อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว ทำให้หน้าที่คล้ายๆ อสม.ของไทย เข้าไปส่งเสริมความรู้ ให้ดูแลกันและกัน ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในหลายๆ จังหวัดของไทย
ไม่ยกเลิก แต่เป็นการผ่อนปรน
ช่วงท้าย โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชน โดยยืนยัว่า ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังรณรงค์ให้ประชาชนลดการเคลื่อนย้ายกัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 20 ได้ ก็เพราะคนไทยร่วมมือกัน "ผมเข้าใจ ณ ตอนนี้หลายคนอาจเบาใจได้ แต่วางใจไม่ได้ แน่นอน ตัวเลข 2 หลักนี้ สิงคโปร์ 4 คนยังขึ้นมาเป็นพัน ของไทย 19 คน หากคุมไม่ดีจะติดอีกเท่าไหร่ ฉะนั้นของความร่วมมือภาคเอกชน ให้ทำงานที่บ้าน เป็นมาตรการที่รัฐยืนยันยังเป็นเช่นนี้อยู่"
" เรื่องการติดเชื้อเกิดขึ้นมาแล้วไทยคุมได้ดี เป็นเรื่องหนึ่ง การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นส่วนที่ช่วย การที่ต้องเรียนรู้ผ่อนปรน ยกเลิกมาตรการต่างๆ ต้องเรียนรู้จากเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐ และอิหร่าน ที่ประชุม EOC มีการพูดคุยเรามีมาตรการที่เราต้องพูดตรงกัน ไม่เป็นการยกเลิก แต่เป็นการผ่อนปรน และการผ่อนปรนเพื่อป้องกันและควบคุมโรค ส่วนเกิดขึ้นจังหวัดไหนขึ้นอยู่กับสถิติ ทางการไทยโดยศบค.มีการตัดสินใช้ข้อมูลสถิติ นักวิชาการต่างๆ ภาคธุรกิจช่วยหาทางออกปัญหานี้ "โฆษก ศบค.กล่าว และเน้นย้ำทิ้งท้ายว่า สุขภาพ ก็สำคัญ ปากท้อง ก็สำคัญ แต่เราต้องไล่ลำดับกันขึ้นมา เรายึดหลักกันอย่างนี้ เราใช้กติกานี้ร่วมกัน ถึงมีวันนี้ และเราต้องช่วยกันทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำ 10 ให้ได้อย่างน้อย 14 วัน ก็จะเห็นสถานการณ์เป็นอย่างไร