นายแพทย์ทวีศิลป์ แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 51 ราย ใน 66 จังหวัด รวมผู้ป่วยสะสม 2,220 ราย รักษาหายแล้ว 793 ราย ระบุ ตัวเลขรอสะสมสอบสวนโรคอยู่ จึงไม่ได้วางใจ เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน รวมสะสม 26 คน
วันที่ 6 เมษายน นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์ฯ ผู้นำรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี ยังใช้ระบบการบริหารราชการปกติ ข้อสั่งการต่างๆ นั้น จะต้องมีการนำไปปฏิบัติและขับเคลื่อนโดยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคน
ส่วนการจัดทำแผนงานโครงการ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 งบกลาง มีบางเรื่องไม่สามารถดำเนินโครงการได้ มีการปรับแผนให้เข้ากับการระบาดโควิด - 19 งบกลางให้รัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องไปติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ประชาชนวางใจในระบบที่รัฐทำงานอยู่นี้
"นายกฯ ขอประชาชนต้องสู้ไปด้วยกัน อย่าเชื่อสื่อโซเชียลบางสำนัก"
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 51 ราย ใน 66 จังหวัด รวมผู้ป่วยสะสม 2,220 ราย รักษาหายแล้ว 793 ราย ซึ่งมีตัวเลขรอสะสมสอบสวนโรคอยู่ จึงไม่ได้วางใจ เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน รวมสะสม 26 คน (รายที่ 24 ชายไทยอายุ 28 ปี พนักงานในกรุงเทพ รายที่ 25 ชายไทยอายุ 51 ปี มีโรคประจำตัว รายที่ 26 หญิงอายุ 59 ปี เดินทางไปเล่นการพนันหลายที่)
"ผู้ป่วยรายใหม่ 51 รายนี้ เกินครึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และกลุ่มใหญ่เกี่ยวโยงกับการสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์เพิ่ม 13 ราย ส่วนจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วย 11 จังหวัด ซึ่งเป็นตัวอย่างให้แก่จังหวัดอื่นๆ เรื่องการควบคุมโรค"
โฆษก ศบค. กล่าวถึงการสอบสวนโรค ตั้งแต่เดือนมกราคม - 4 เมษายน พบการติดเชื้อร่วมบ้าน เยอะที่สุด จึงเป็นความเสี่ยง ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ส่วนต่างจังหวัดก็พบว่า เหมือนกัน สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน วิเคราะห์ก็เห็น การอยู่ร่วมบ้านมากที่สุด ติดเชื้อจากคนในบ้านกันเอง
"การแสดงความรักในบ้าน จึงต้องเว้นระยะห่างกันก่อน อย่าใกล้ชิด สัมผัสกัน" นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว และว่า ส่วนแนวโน้มคนไทยเดินทางจากต่างประเทศ ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น จากยุโรป ปากีสถาน อินโดนีเซีย เรามีข้อมูล และมีการวิเคราะห์อยู่เสมอ ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุเป็นผลที่รัฐบาลให้มีการกักตัว 14 วัน (State Quarantine)
โฆษก ศบค. กล่าวถึงประเด็นการประกาศเคอร์ฟิว มีการฝ่าฝืนทั้งประเทศ 919 ราย มีการรวมกลุ่มชุมนุม มั่วสุม เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค 79 ราย แม้จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน บางคนยังไม่ร่วมมือ ซึ่งทำให้ตำรวจต้องทำงานหนัก ทั้งการตักเตือน 315 คน ดำเนินคดี 708 คน
สำหรับผู้โดยสารติดค้างในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีตัวเลขต่อเครื่องกลับมาไทยรออยู่ที่สนามบิน ทั้งหมด 48 ราย ซึ่งตัวแทนสถานทูตไทยฯ กำลังดูแลคนไทยอยู่เวลานี้ และวันนี้มีเที่ยวบินมาจากอินโดนีเซีย 111 คน ลงสนามบินหาดใหญ่ ศูนย์ EOC เตรียมความพร้อมให้ไปอยู่ในสถานที่กักกันแล้ว
"คนไทยที่จะกลับประเทศขอให้ติดต่อไปยังสถานทูตไทย สถานกงสุลใหญ่ ทุกแห่งทั่วโลก แต่ความสะดวกสบายอาจต้องมีข้อติดขัดบ้าง ขอให้มองเป็นเรื่องธรรมดา"
ช่วงท้าย โฆษก ศบค. ตอบคำถามถึงเอกสารกระทรวงมหาดไทยกับการยกระดับการประกาศเคอร์ฟิวว่า ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงแต่อย่างใด เราประกาศแค่ 6 ชั่วโมง เราต้องการให้คนไทยปรับตัว หากทำได้ ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ลดลง มาตรการใหม่แทบไม่ต้องมี แต่หากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ถึงวันนั้นอาจมีการปรับเพิ่มเวลา
"มหาดไทยต้องการสื่อสารไปยังฝ่ายปกครองในพื้นที่ เตรียมการเพื่อยกระดับ เป็นการใช้คำที่ถูกต้อง "