สธ.แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2563 พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่อีก 7 ราย รวม นักแสดงเจ้าของค่ายมวยด้วย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศไทย 82 ราย ยันหากตรวจพบติดเชื้อ มีอาการถูกต้องไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2563 ณ ห้องปฎิบัติการฉุกเฉินสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่อีก 7 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศไทย 82 ราย
รายที่ 1 เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ป่วยยืนยันลำดับที่ 57 (กลุ่มสังสรรค์ 11 คน) เป็นหญิงไทยอายุ 63 ปี (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 76)
รายที่ 2 – 5 เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในกทม. รายละเอียดดังนี้
รายที่ 2 (index case) หญิงไทย 57 ปี (มารดา) เดินทางมาจากญี่ปุ่นวันที่ 4 มีนาคม 2563 มีไข้ ไอมีเสมหะ (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 77)
รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 30 ปี (บุตรสาว) อาชีพพนักงานบริษัท ให้ประวัติเพื่อนมาจากเกาหลีใต้ (วันที่ 2 มีนาคม 2563) และมารดามาจากญี่ปุ่น เริ่มป่วยวันที่ 9 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 78)
รายที่ 4 ชายญี่ปุ่น อายุ 33 ปี (สามีบุตรสาว) อาชีพพนักงานบริษัท เริ่มป่วย 9 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ มีเสมหะ (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 79)
รายที่ 5 เด็กหญิงไทย อายุ 4 ปี (หลาน) เริ่มป่วย 9 มีนาคม 2563 มีไข้ ไอ มีเสมหะ (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 80)
รายที่ 6 เป็นหญิงไทย อายุ 20 ปี เดินทางกลับจากญี่ปุ่นถึงไทย 14 กุมภาพันธ์ 2563 เริ่มป่วยวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ หายใจเหนื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ มีเสมหะ หลังมีเสมหะอาการมีไม่ดีขึ้น วันที่ 11 มีนาคม 2563 จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกทม. (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 81)
และรายที่ 7 เป็นชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพนักแสดงและพิธีกร เริ่มป่วย 11 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีประวัติมีเพื่อนเดินทางมาจากต่างประเทศ รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี อยู่ระหว่างติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 82)
" จากบทเรียนผู้ปวยที่พบในประเทศไทย มีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำงานใกล้ชิดกับคนต่างชาติ พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ พื้นที่เจริญ ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ดังนั้นอยากให้ประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาด ไม่ว่าประเทศใดก็ตามอย่าประมาท ต้องกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลา 14 วัน "ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว และว่า ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศควรงดกิจกรรมทางสังคม ไม่ออกไปในชุมชนที่หนาแน่นเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
นายแพทย์สุขุม กล่าวอีกว่า โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคฉุกเฉิน ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งได้ทันที ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะออกค่าใช้จ่ายให้ "โรงพยาบาลรัฐอย่างเดียวคงไม่สามารถดูแลคนไข้ป่วยโควิดได้ทั้งหมด สธ.อาจออกระเบียบหากมีผลทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้ว ว่าผู้ป่วยติดเชื้อ ไม่ว่าโรงพยาบาลไหน รัฐหรือเอกชน ต้องรับการรักษาทันที ไม่ใช่ปล่อยให้กลับบ้าน และหากท่านเป็นโรคติดเชื้อโคโรน่า มีอาการถูกต้อง ผลทางห้องปฏิบัติการเป็นบวก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่สลึงเดียว โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่มีสิทธิ์เก็บตังค์ท่าน เราตามจ่ายให้ แต่หากไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่เข้าข่าย อยากตรวจหาเชื้อโคโรน่า ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง"
พร้อมกันนี้ นายแพทย์สุขุม กล่าวชื่นชม ผู้ป่วยโควิด หากสงสัยหรือติดเชื้อแล้วกล้าที่จะบอก เข้าสู่กระบวนการรักษาตัว สังคมต้องชื่นชม "การสงสัยไม่ได้เป็น แต่อยู่ระหว่างการตรวจ แต่หากมีประวัติกลับจากต่างประเทศ สัมผัสกับชาวต่างชาติ ให้รีบมาตรวจเพื่อเป็นการช่วยประเทศชาติ วันนี้เป็นปัญหาทั้งโลก คนไทยงดไปต่างประเทศได้หรือไม่ เพื่อช่วยเหลือให้คนไทยปลอดภัย"
ส่วนการคัดกรองหาผู้ติดเชื้อในประเทศไทย มีสงสัยว่า น้อยเกินไปหรือไม่นั้น ปลัดสธ. ยืนยันว่า ประเทศไทยตรวจคัดกรองมากกว่าสหรัฐฯ 20 เท่า มากกว่าหลายประเทศเป็นสิบเท่า และกำลังพัฒนาการตรวจจากสารคัดหลั่ง ล้วงไปในโพรงจมูก ประเทศไทยกำลังตรวจผู้ป่วยอย่างเร็วด้วยเลือดปลายนิ้ว ดูระดับอิมมูในร่างกาย (IGM) ค่าใช้จ่ายถูก เราพร้อมนำมาใช้ในอีก 1-2 สัปดาห์ อีกทั้งได้ขยายการตรวจคัดกรองในคนไข้ 2 พันรายที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งก็ไม่พบการติดเชื้อ และกำลังตรวจเพิ่มไปเรื่อยๆ และพยายามหาเทคนิคใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงนักแสดง ผู้ป่วยโควิดรายที่ 82 ได้เข้าสู่การรักษาแล้ว ส่วนใครสัมผัสต้องสังเกตุอาการตัวเอง 14 วันก่อน ขั้นแรกขอให้แยกของใช้ และหลีกเลี่ยงพบปะผู้อื่น