กรมเจ้าท่าออกประกาศ แนวปฏิบัติเรือ จาก 4 ประเทศ ที่เข้ามาในน่านน้ำไทย ต้องส่งเอกสาร ใบสำแดงสุขภาพของคนในเรือ รายชื่อ 10 เมืองท่าที่ผ่านมา บัญชีรายชื่อลูกเรือ ผู้โดยสาร ผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 7 วันล่าสุด แก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจ้าด่าน ก่อนเรือเข้า 24 ชม. ระบุ ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศกรมเจ้าท่าที่ 41/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับเรือที่เข้ามาในน่านน้ำไทย กรณีเป็นเรือจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. 2563 ก้าหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea)สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า (Macao) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Hong Kong) สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran) เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น
เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเรือที่เข้ามาในน่านน้ำไทยให้ด้าเนินการเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคของประเทศ อธิบดีกรมเจ้าท่าจึงประกาศแนวปฏิบัติ สำหรับหรับเรือที่เข้ามาในน่านน้ำไทย กรณีเป็นเรือจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังต่อไปนี้
1. ในกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรใดเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือ ผู้โดยสาร และผู้ที่อยู่บนเรือที่เดินทางมาจากท้องที่นั้น ต้องได้รับการกักตัว (quarantine) และอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออย่างอื่นตามที่รัฐบาลกำหนด
2. เรือเดินระหว่างประเทศซึ่งมาจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หากมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาประเทศไทย ให้ผู้ประกอบกิจการเดินเรือ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ หรือตัวแทนเรือ ดำเนินการ ดังนี้
2.1 ส่งเอกสาร ได้แก่ ใบสำแดงสุขภาพของคนในเรือ (Maritime Declaration of Health) รายชื่อ 10 เมืองท่าที่ผ่านมา บัญชีรายชื่อลูกเรือและผู้โดยสารในเรือ และผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 7 วันล่าสุด ให้แก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจ้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ก่อนเรือเข้ามาในช่องทางเข้าออกประเทศ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
2.2 จัดให้มีการดำเนินการให้ความรู้แก่ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือผู้โดยสาร และผู้ที่อยู่บนเรือ เรื่อง โรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
2.3 จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนายเรือ ผู้ควบคุมเรือ คนประจำเรือผู้โดยสาร และผู้ที่อยู่บนเรือ เป็นการประจำ หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ได้แก่ มีอุณหภูมิร่างกาย ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป และมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หรือหอบเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่งให้คัดแยกผู้มีอาการผิดปกติดังกล่าว เฝ้าระวังอาการ และหากสามารถกระทำได้ให้นำตัวส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการตรวจทันที หรือดำเนินการตามข้อ 2.4 ต่อไป
2.4 กรณีพบหรือสงสัยว่าจะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บนเรือให้ดำเนินการคัดกรองผู้ปลอดเชื้อ และคัดแยกผู้ติดเชื้อ ไม่ให้ปะปนกัน โดยแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค เพื่อด้าเนินการตามขั้นตอนต่อไป
2.5 ให้จอดทอดสมอเรือที่พบว่า มีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ณ ตำบลที่ทอดสมอสำหรับการกักกันโรคและคัดกรองโรค ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพระพุทธศักราช 2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือ ณ ตำบลที่พนักงานแพทย์เห็นสมควร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
3. นอกจากต้องปฏิบัติตามข้อ 2 แล้ว ให้ผู้ประกอบกิจการเดินเรือ เจ้าของหรือผู้ครอบครองเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหมวดที่ 5 ข้อบังคับสำหรับการป้องกันโรคภยันตราย แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในหมวด 5 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ ดังกล่าว ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
ขอบคุณภาพประกอบจาก:https://www.tatnews.org