รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประชุมนัดพิเศษ หารือส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต
วันที่ 23 มกราคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประชุมนัดพิเศษเรื่อง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมหารือส่วนราชการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถนนพระราม 6 เขตพญาไท กรุงเทพฯ
ในที่ประชุมมีการมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง โดยเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด / ผู้อำนวยการจังหวัด ทุกจังหวัด ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) นั้น พบว่า พื้นที่ภาคกลาง ตลอดจนจังหวัดภาคเหนือตอนบนเริ่มมีปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ในหลายพื้นที่ ดังนั้นเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว PM 2.5 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดการบูรณาการร่วมกัน จึงให้กองอำนวยการและป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นำมาตรการตามแผนปฏิบัติการการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2562 ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) ซึ่งมีสาเหตุมาจากยานพาหนะ การเผาไหม้ในที่โล่ง / พื้นที่ป่า / ภาคการเกษตร การก่อสร้างและผังเมือง ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนภาคครัวเรือน รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในข้อกฎหมายที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ ให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง และรายงานผลการดำเนินคดีให้กระทรวงหาดไทยทราบ
ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เพื่อสั่งการและกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไปแล้ว และบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดตามแผนฯ ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจจับรถยนต์และรถโดยสารที่ปล่อยควันดำอย่างจริงจังครอบคลุมทุกพื้นที่ (โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ และกรุงเทพมหานครในดำเนินการดังกล่าว) รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งคณะทำงานและวอร์รูม (War Room) ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างใกล้ชิด และรายงานชี้แจ้งข้อมูลและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่าขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามแผนฯ ในแต่ละระดับที่กำหนดไว้สอดคล้องสถานการณ์ค่าความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมให้มีการเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ในการตรวจวัดควันดำให้เพียงพอในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้มีการติดตามการดำเนินงานอย่าต่อเนื่องให้การปฏิบัติเป็นไปตามเป้าหมายและแผนที่กำหนดไว้ ส่วนกรณีที่มีการเผาต่าง ๆ รวมถึงการเผาไร่อ้อยนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่พิจารณาสั่งการและดำเนินการตามที่กำหนดการไว้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และให้เจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกับประชาชนทุกฝ่ายเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ให้ลดน้อยลง
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ระดับที่ PM 2.5 มากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือเข้าขั้นวิกฤต นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานด้วยตนเอง
ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ระบุว่า กรุงเทพมหานครจะเร่งรัดกำหนดมาตรการควบคุมให้บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า แก้ไขปัญหาการจราจรจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าเพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง โดยจะกำกับให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กาหนดอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามจะให้ระงับการก่อสร้างทันที รวมทั้งจะกำชับให้สำนักงานเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำการเผา
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้กำหนดมาตรการดูแลสุขภาพประชาชน โดยประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอันตรายของฝุ่นละออง PM2.5 รวมทั้งวิธีป้องกันและดูแลตนเองเมื่อเกิดสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานแก่ประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว รวมทั้งเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ และหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กสำหรับการให้บริการประชาชนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ภาคปชช.ใส่หน้ากาก เดินรณรงค์เรียกร้องรัฐบาล 'พอกันที ขออากาศดีคืนมา'
ยกระดับมาตรการป้องกัน-แก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองช่วงสถานการณ์วิกฤต
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/