'อนุทิน ชาญวีรกูล' ชี้โยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ต้อง Go ใช้ค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ ส่วนกัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ รอคณะกรรมการยาเสพติดฯ ปลดล็อก ระบุ ให้รออ่านนโยบายกัญชาถูกบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนแล้ว
วันที่ 18 กรกฎาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังหารือนโยบายกัญชา ทิศทางการพัฒนา ขับเคลื่อนเพื่อประเทศไทย ณ กระทรวงสาธารณสุข อำเภอเมือง จังหวัด นนทบุรี
ก่อนหน้านี้นายอนุทิน กล่าวถึงภารกิจการทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข กับสโลแกน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรงว่า "ผมมาดี มาสนับสนุนให้ภารกิจลุล่วง เราต่างคนต่างทำงานคู่ขนานกันไปเเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน การได้รับบริการที่ดี พร้อมขอให้มั่นใจนโยบายต่างๆ จะไม่เอื้อประโยชน์แก่ตนเอง พวกพ้องและคนรู้จัก นอกจากเอื้อประโยชน์กับประชาชน"
นายอนุทิน กล่าวถึงกำหนดการการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯ ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจึงจะมีการแบ่งงานให้รัฐมนตรีช่วยฯ
ส่วนนโยบายกัญชาของกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน กล่าวว่า จะดูแต่เรื่องประโยชน์ของกัญชา ส่วนเรื่องการปลดล็อกกัญชงขอให้จบในสมัยนี้เช่นกัน ทำให้กัญชาและกัญชง เป็นยาที่ประชาชนเข้าถึงได้ พร้อมกับเชื่อว่า หากทำดีๆ จะเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประเทศนี้
จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงนโยบายกัญชาทางการแพทย์ จะเร่งรัดให้มาอยู่ในระบบประกันสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้ หวังลดภารค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
นายอนุทิน กล่าวว่า ถือว่า เริ่มนับหนึ่งแล้ว อะไรเป็นคอขวดจะต้องหลุดแน่นอน พร้อมประสานกับหน่วยงานต่างๆ เรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พร้อมยืนยัน ต้อง Go นโยบายกัญชาเพื่อใช้ค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ ส่วนกัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ อย.เตรียมปลด รอคณะกรรมการยาเสพติดฯ ปลดแล้วทำได้เลย กัญชงต้องปลดและต้องเปลื้อง ไม่ใช่ขายผ้าเอาหน้ารอด แล้วปฏิบัติไม่ได้
"กัญชาถูกบรรจุวาระเร่งด่วน อยู่หน้า 28 ในนโยบายของรัฐบาล รออ่านได้ มีอยู่หนึ่งวรรค พวกผมสองคนเข้ามาไม่ได้ทำทุกอย่างได้ เอาที่สามารถทำได้สำเร็จ ของทุกอย่างมีประโยชน์ มีโทษต้องควบคุมการใช้ มองให้เหมือนยาแก้ปวด สุรา บุหรี่ ต้องควบคุมอย่าให้คนที่ไม่ควรได้ใช้ "
ด้านดร.สาธิต กล่าวถึงงาน 3 ส่วนที่อยากเห็น คือ 1.การรณรงค์ให้ประชาชนหันมาดูแลสุขภาพตนเอง ป้องกันการเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็น และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค โดยจะขอเป็น 'ต้นแบบ' การออกกำลังกาย 2.การพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทุกระบบ ลดความแออัด และ 3.ใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนช่วยสนับสนุนระบบบริการสาธารณสุข เพื่อบรรลุเป้าหมาย "ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน"
ที่มาภาพ:https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/129700/