กฟผ.เดินสายจัดเวทีอีไอเอฟังความเห็นโครงการสายส่งไฟฟ้าลำพูน-สบเมย มีแต่ จนท.รัฐ ไร้เงาชาวบ้าน หวั่นถูกอ้างผ่านความเห็นประชาชน เผยรายละเอียดโครงการ ผ่าป่าสมบูรณ์ 6 แห่ง นักอนุรักษ์ชี้รองรับโครงการยักษ์ผันน้ำยวม
เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดประชุมนำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าการดำเนินงานการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 โกลโวลต์ลำพูน-สบเมย (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 ม.ค.นี้
สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการของ กฟผ.ในการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าเชื่อมโยงจากสถานีไฟฟ้าแรงสูงลำพูน 3 อ.เมืองลำพูน ไปยังสถานีสูบน้ำยวมตอนล่าง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทางรวม 142.5 กิโลเมตร พื้นที่บางส่วนพาดผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 ยาว 27.96 กิโลเมตร และพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (ป่าโซน C) 13 ช่วง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 6 แห่ง ความยาวรวม 59.5 กิโลเมตร ได้แก่ ป่าเหมืองจี้ ป่าสันสัก ป่าแม่ทา จ.ลำพูน ป่าแม่แจ่ม-ป่าแม่ตื่น อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ป่าอมก๋อย ป่าขุนแม่ลาย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และป่าแม่ยวมฝั่งซ้าน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ไม่ทราบว่ามีการส่งหนังสือเชิญจาก กฟผ.แต่อย่างใด รวมถึงแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับป่าไม้ รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ชาวบ้านจึงได้ตกลงกันว่า เวทีดังกล่าว เป็นการจัดขึ้นโดยไม่มีประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม จึงไม่สมควรที่จะเข้าร่วม และได้เตรียมจดหมายเพื่อยื่นให้กับเจ้าของโครงการเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อชาวบ้านได้ไปรอเข้ายื่นจดหมาย พบว่าต้องลงทะเบียนและให้ตรวจโควิด ชาวบ้านยืนยันว่าไม่ต้องการลงทะเบียน เพราะเกรงว่าจะถูกนำลายมือชื่อไปแอบอ้าง จึงไม่ได้เข้าร่วม ขณะเดียวกันยังทราบว่า เวทีดังกล่าวมีผู้ได้รับเชิญคือหน่วยงานรัฐ
“ชาวบ้านในพื้นที่เห็นว่าหากจะมีการจัดเวทีจริงต้องเชิญชาวบ้านให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่ดูแล้วมีเพียงหน่วยงานรัฐที่ได้รับเชิญเข้าร่วม อาทิ ทหาร ป่าไม้ อุทยานฯ ชาวบ้านกังวลว่า EIA ที่เคยเกิดขึ้นก่อนห้านี้ในโครงการอุโมงค์ผันน้ำยวม รูปที่ถูกถ่ายในเวทีก็ถูกนำไปใช้ในรายงาน EIA ว่าชาวบ้านเข้าร่วมแล้ว ทั้งๆ ที่ชาวบ้านคัดค้านและมีข้อกังวลมากมาย ดังนั้นเรามีประสบการณ์แล้ว และ กฟผ.ควรทำหนังสือเชิญชาวบ้าน” นายสะท้าน กล่าว
นายสะท้าน กล่าวอีกว่า ชาวบ้านห้วยม่วง ต.แม่สวด อ.สบเมย เมื่อทราบว่าจะมีการจัดเวทีดังกล่าวก็ได้แสดงพลัง ถ่ายรูปลงสื่อสังคมออนไลน์ ว่าประชาชนไม่ได้เข้าร่วมหรือมีกระบวนการมีส่วนร่วมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ได้มีการจัดเวทีที่ห้องประชุม อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 20 คน โดยแทบทั้งหมดเป็นตัวแทนหน่วยงานรัฐ และมีการนำเสนอข้อมูลโครงการเบื้องต้น
ด้าน นายสมเกียรติ มีธรรม ประชาสังคม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ ต่างหารือกันถึงความกังวลต่อโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยแทบไม่มีใครได้รับเอกสารหรือข้อมูลว่าจะมีการจัดเวที อย่างไรก็ตามพบว่ามีป้ายและคิวอาร์โค้ดให้ดาวน์โหลดเอกสารโครงการ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่ในหมู่บ้านห่างไกล ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงข้อมูลได้ เช่น หมู่บ้านแม่สอ บ้านแม่ฮองใต้ บ้านห้วยลอก ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง (โผล่ง) ซึ่งจำเป็นต้องมีล่ามในการสื่อสาร มิเช่นนั้นการมีส่วนร่วมจะเป็นไปไม่ได้เลย
ขณะที่ น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการประเทศไทย องค์กรแม่น้ำนานาชาติ กล่าวว่า โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ลำพูน-สบเมย ก่อนหน้านี้มีเอกสารระบุว่าเป็นโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ โดยเป็นโครงการที่คู่กับโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวส่งน้ำยวม) หรือโครงการผันน้ำยวม ลุ่มสาละวินสู่ลุ่มเจ้าพระยา แต่แยกออกเป็นสองโครงการอาจเพื่อให้ดูว่าไม่ใช่โครงการที่มีผลกระทบรุนแรง โดยโครงการผันน้ำของกรมชลประทาน มีการพยายามอธิบายว่าเป็นการขุดอุโมงค์ใต้ดิน ไม่เกิดผลกระทบต่อป่า แต่หากจับคู่กับโครงการสายส่งไฟฟ้าซึ่งมีแนวตีคู่ไปกับอุโมงค์ใต้ดิน จะพบว่ามีการรบกวนพื้นที่ป่าสำคัญในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 6 แห่ง เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญของทั้งลุ่มน้ำปิง-เจ้าพระยา และลุ่มน้ำสาละวิน
สำหรับโครงการผันน้ำยวม ก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานรวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในประเด็นการละเมิดสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน