‘มาดามเดียร์’ พิจารณาตัวเอง ลาออก ส.ส.-สมาชิก ‘พลังประชารัฐ’ อัดสภาควรเป็นที่พึ่งประชาชน แต่กลับเล่นเกมการเมืองทำลายศรัทธา ไม่ตอบสนองเจตนารมณ์ ขณะที่โฆษกรัฐบาล ‘ธนกร วังบุญคงชนะ’ เตรียมนั่ง ส.ส.แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2565 น.ส.วทันยา บุนนาค หรือที่รู้จักกันในชื่อ มาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เดียร์ วทันยา บุนนาค ระบุว่า เมื่อสภาที่ควรเป็นที่พึ่งให้ประชาชน กลับเล่นเกมการเมือง ทำลายศรัทธาประชาชน ไม่สามารถตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชนที่ฝากความหวังให้ ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว ผู้แทนปวงชนก็ไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบ ในฐานะ ส.ส.ขอพิจารณาตนเองตัดสินใจลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่และการเป็นสมาชิก พปชร.
น.ส.วทันยา ระบุตอนหนึ่งว่า ว่า จากวันแรกที่ก้าวเข้ามาร่วมทำงานกับ พปชร. ภายใต้อุดมการณ์ที่อยากเห็นประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง ทั้งๆ ที่ประเทศเรามีต้นทุนที่ดี เป็นแหล่งในการผลิตอาหารของโลก มีภาคการเงินที่เข้มแข็ง เอกชนที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง แต่ทว่าในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาเรากลับติดหล่มปัญหาทางการเมืองจากความขัดแย้งภายในประเทศ การพัฒนาประเทศจึงเป็นไปได้ช้าและยากเพราะเหตุจากการขาดเสถียรภาพทางการเมืองของเราเอง
ภายหลังจากที่กฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ ประเทศไทยกลับเข้าสู่บรรยากาศนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง แม้กฎหมายจะมีเนื้อหาบางส่วนที่กลายเป็นข้อถกเถียงสำหรับผู้คนในสังคม กระทั่งหลายคนออกมาวิจารณ์ถึงการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
แต่อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศช่วงเวลานั้นก็คืออำนาจสูงสุดกำลังเริ่มต้นนับหนึ่งกลับคืนสู่มือของประชาชนอีกครั้ง เสียงของประชาชนที่เคยแผ่วเบาลงไปในช่วงเวลาหนึ่งกำลังจะกลับมาดังขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจกากบาทเลือก ส.ส.ที่เข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้แทนของตนเอง แม้กติกาจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ยังคงศรัทธาและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่สุดท้ายแล้วจะสามารถคัดกรอง พร้อมทั้งสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นได้ในที่สุด และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก พปชร.ด้วยการลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 19 เพื่อสร้างพรรคทางเลือกใหม่ให้ประชาชน ออกจากวังวนของความขัดแย้งระหว่างพรรคใหญ่ 2 ขั้วเดิม
ทว่านับตั้งแต่วันแรกของการเปิดประชุมรัฐสภา 22 พ.ค.2562 จนกระทั่งวันนี้ 16 ส.ค.2565 ครบรอบการทำงานของสภา 3 ปีเต็ม เข้าสู่ปีสุดท้ายตามวาระของรัฐบาล ตลอดช่วงระยะกว่า 3 ปีที่ผ่านมาภายใต้บริบทการเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง การต่อสู้ทางความคิดหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง ทั้งบนถนนและในรัฐสภา ที่สุดท้ายแล้วทุกฝ่ายก็ต่างใช้เวทีรัฐสภาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุดมการณ์ของตน
ดังที่เกิดการนำเสนอรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเข้าสู่กระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติ การอภิปราย วิพากษ์การทำงานของรัฐบาลทั้งในยามสถานการณ์ฉุกเฉิน และสถานการณ์ปรกติผ่านการทำงานของ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเกิดข้อพิพาท ถกเถียงอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ดำรงเห็นได้ชัดเจนคือการใช้เวทีรัฐสภาเป็นเครื่องมือและที่พึ่งให้แก่ประชาชน
สิ่งที่น่าเศร้าใจก็คือเหตุการณ์การประชุมร่วมของรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏให้เห็นชัดว่าการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนของ ส.ส. ที่ถือเป็นหลักพึงกระทำพื้นฐานในฐานะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งนั้นไม่สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้เหมือนเดิม ทั้งนี้เคารพในสิทธิ์การตัดสินใจของ ส.ส. ทุกท่าน ไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500 การเห็นต่างย่อมเป็นเรื่องปรกติที่เกิดขึ้นในครรลองระบอบประชาธิปไตย และนั่นก็นับเป็นข้อดีของระบอบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้นำเสนอความคิดเพื่อร่วมกันหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ แต่ไม่ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ยังคงยึดมั่นในหลักการทำหน้าที่บนความถูกต้อง โดยการใช้สภาเป็นทางออกเพื่อให้ได้ข้อยุติของปัญหา
ตลอดการปฏิบัติงาน 1,168 วัน ในฐานะ ส.ส. แม้หลายครั้งการทำหน้าที่ ส.ส.จะมีความเห็นทั้งที่ไปในแนวทางเห็นด้วยและเห็นต่างจาก พปชร.ตามที่ปรากฏเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว แต่ก็ยึดมั่นในการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนผ่านกลไกรัฐสภาด้วยการใช้เอกสิทธิ์การลงคะแนนเสียง รวมถึงการอภิปรายเพื่อเสนอแนะข้อคิดเห็นไปยังรัฐบาลผ่านการทำงานในระบบรัฐสภามาโดยตลอด จนทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์การทำงานต่างๆมากมาย ขอน้อมรับทุกความเห็นเพื่อนำไปใช้แก้ไข ปรับปรุงการทำงานของตนเองต่อไป
ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ที่ทำให้ประชาชนเกิดข้อกังขาว่ารัฐสภายังคงเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนได้อยู่หรือไม่ ในฐานะ ส.ส. จึงไม่อาจปฏิเสธถึงข้อกังขาศรัทธาประชาชนที่มีต่อรัฐสภา ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นฝ่ายไหนหรือสังกัดพรรคใด เมื่อสภาไม่สามารถตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชนที่ฝากความหวังให้ ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว ผู้แทนประชาชนก็ไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบ
“สุดท้ายนี้เดียร์ตัดสินใจขอลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. และ สมาชิก พปชร. พร้อมทั้งขอขอบพระคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคและคณะผู้บริหารพรรคที่เปิดโอกาสการทำงานและให้ความเมตตามาโดยตลอด รวมถึงเพื่อนสมาชิก ส.ส.พปชร. และในสภาทุกๆคนค่ะ” น.ส.วทันยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกจากของ น.ส.วทันยา ส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนบุคคลในลำดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแทน ซึ่งก็คือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี