'สุชัชวีร์'ปราศรัยครั้งสุดท้ายที่หัวลำโพง อ้อนขอคนกรุงฯ เลือกคนทำงานเข้าไปแก้ปัญหา ฝ่ากระแสการเมือง เปิดปัญหาหนัก 4 ด้าน ต้องการคนมีความรู้เข้าไปแก้ ก่อนทิ้งท้ายเลือก ส.ก.ประชาธิปัตย์ยก 50 เขตขับเคลื่อนเปลี่ยนกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยหาเสียงครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในวันที่ 22 พ.ค. 2565 นี้
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า นับแต่ประกาศตัวลงสมัครผู้ว่ากทม. เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 ยอมรับว่าหฤโหดและสาหัสจริงๆ หลายคนถามว่า ทำไมออกมาหาเรื่องใส่ตัว แต่ทุกวันนี้ เมื่อกลับถึงบ้านเจอพ่อแม่และภรรยา จะบอกกับทุกคนเสมอว่า ทุกวันเป็นวันที่โชคดีของตัวเอง ขอบคุณทุกประสบการณ์ ทั้งร้ายๆ ที่สอนให้มีความเข้มแข็ง อดทนมีสมาธิ ที่พร้อมจะเป็นผู้ว่ากทม. ตนจะใช้พลังกาย ใจ สติปัญญา ทุกอย่างกับตำแหน่งนี้เพราะเป็นรู้ดีว่า เป็นงานที่หนักหนาแสนสาหัส
ซึ่งการหาเสียงรอบนี้ เดินทางไปทั่วกทม.ครบ 50 เขต มีความภูมิใจที่ได้ไปกับผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคประชาธิปัตย์ และส่วนตัวก็ภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนพรรคในการที่จะร่วมมือกันเปลี่ยนกรุงเทพ เราทำได้ด้วยกัน
ส่วนเหตุผลที่เลือกปราศรัยครัั้งสุดท้ายที่หัวลำโพง มี 4 เหตุผลคือ
1.ที่แห่งนี้ เป็นที่ที่ประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศไทยรวมถึงกรุงเทพฯ พัฒนาได้ เพราะที่แห่งนี้เมื่อ 100 ปีที่แล้วพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางกระแสล่าอาณานิคม ที่ต่างขาติมองเราล้าหลัง แต่พระบาทสมด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาการรถไฟครั้งแรกบนที่แห่งนี้ ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกๆที่มีรถไฟใช้ในทวีปเอเชีย สามารถประกาศก้องทั่วโลกว่า เป็นประเทศที่รับเทคโนโลยีใหม่เข้ามาพัฒนาและสามารถเปลี่ยนประเทศได้ มีหัวรถจักรดีเซลใช้เป็นประเทศแรกๆของโลก ถือเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ ที่พระองค์ท่านทำได้ เพราะพระองค์ท่านใช้คนเก่งจากทั่วโลกในการสร้างทางรถไฟของไทย ในการพัฒนาประเทศให้ก้าวล้ำ จำเป็นต้องใช้คนมีสามารถเท่านั้น
2.มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีหัวลำโพง ซึ่งในทางเดินใต้ดินมีห้องโถงใหญ่ สลักรายชื่อคนที่ร่วมงานสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของสุชัชวีร์รวมอยู่ด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการประกาศว่า เราสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินได้ ทำได้จริง คนไทยและคนกรุงเทพสร้างได้
3.เป็นจุดเริ่มต้นของคนกรุงเทพจำนวนมาก หลายคนมาจากต่างจังหวัด ตนเป็นคนระยอง ก็มากรุงเทพโดยใช้รถไฟนี้ไปเรียนหนังสือที่สถาบันเทคโนโลยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถานีรถไฟแห่งนี้ จึงเป็นจุดกำเนินในการเป็นคนกรุงเทพของประชาชนคนไทยหลายคน
4. เพราะคาดหวังจะใช้ที่นี่ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้
“ผมเดินมาร่วมกับทีมงานเป็น 100 ล้านก้าว แต่ยิ่งเดินยิ่งรักคนกรุงเทพ ที่แห่งนี้มีศักยภาพเต็มที่ ขาดเพียงผู้นำที่มีศักยภาพเท่านั้น ขอให้มั่นใจในวิสัยทัศน์ที่ประกาศพร้อมกับ ส.ก. 50 เขตของพรรค ขอโอกาสเปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการทันสมัย หยุดปัญหาซ้ำซาก ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น” นายสุชัชวีร์ กล่าว
นายสุชัชวีร์กล่าวต่อว่า ความจริงของกรุงเทพฯ วันนี้วิกฤติมากๆ โดยมีวิกฤติ 4 ด้านคือ 1. ภัยธรรมชาติ กทม.กำลังจม เพราะมีน้ำท่วมจากหลายสาเหตุ ทั้งจากฝน น้ำเหนือที่ไหลบ่ามากขึ้น และน้ำทะเลหนุนที่จะเป็นจุดตายในอนาคต 2.คนกรุงเทพฯ ยังเข้าถึงออนไลน์ไม่ได้ เสียโอกาส 3.การศึกษา ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเป็นทวีคูณ และ 4.สังคมผู้สูงวัยที่กำลังทยอยมากขึ้นเรื่อยๆในทุกปี
“คนที่ท่านจะเลือกเป็นผู้ว่ากทม. จะเลือกตามรสนิยมทางการเมืองหรือเป็นักการเมืองไม่ได้อีกแล้วครับ เพราะคนที่ท่าจะต้องเลือก เขาต้องมาแก้ปัญหาบ้าน เพราะบ้านหลังนี้เมื่อมีน้ำท่วมก็จม บ้านหลังนี้ยังล้าหลังด้านเทคโนโลยี บ้านหลังนี้ลูกๆยังไม่ได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมทั่วถึง หรือไปแข่งขันกับประเทศที่ก้าวกระโดด และ 4. คนๆนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลพ่อแม่ของท่านได้” นายสุชัชวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ หากตนเดินทางมาคนเดียว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนกรุงเทพฯได้ ดังนั้น ในการดูแลประชาชนชาว กทม. ต้องได้ ส.ก. 50 เขต 50 คนด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทาง ดังนั้น ขอประชาชนต้องเลือกเบอร์ 4 และส.ก.ทั้ง 50 เขตของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นทีมผู้ว่ากทม. ทีมสุชัชวีร์
“สุดท้าย ผมมาขอคะแนนจากทุกท่านในทุกอุดมการณ์ความเชื่อทางการเมือง ขอคะแนนท่าน ครอบครัว และคนที่ท่านรู้จักจริงๆครับ วันนี้ผม และ ส.ก. 50 เขต 50 คน พร้อมแล้วครับ ผมเดินทางล้านก้าว เหลืออีกก้าวเดียว ก้าวสุดท้าย วันที่ 22 พ.ค.นี้ ก้าวเข้าไปในคูหา กาเบอร์ 4 ครับ เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้ด้วยกันครับ” นายสุชัชวีร์ กล่าว