‘วิโรจน์’ ปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย เปิดที่มา 12 นโนยบายสร้างเมืองที่คนเท่ากัน อาสาพูด-แก้ปัญหาแทนคนจนเมือง ‘ปิยบุตร’ ลั่นเลิกคิดโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ชู 4 คุณสมบัติเหมาะนั่งผู้ว่าฯ กทม.กล้าชนต้นตอปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 1 พร้อมด้วยทีมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคก้าวไกล จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่มิวเซียมสยาม (MRT สนามไชย)
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.พรรคก้าวไกล ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เหตุผลความจำเป็นที่ กทม.ต้องมีผู้ว่าฯ ชื่อนายวิโรจน์ มีคุณสมบัติด้วยกัน 4 ข้อ คือ 1.นายวิโรจน์ จะเข้าไปเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่พร้อมชนกับทุกปัญหา พร้อมชนกับต้นตอของปัญหา 2.นายวิโรจน์ จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของคนส่วนใหญ่ คนเสียเปรียบ คนด้อยโอกาส และทำให้ กทม.เป็นเมืองที่คนเท่าเทียมกัน 3.นายวิโรจน์เป็นนักบริหาร เหมาะกับการเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่ต้องรู้จักทั้งคนระดับบนและคนระดับล่าง 4.นายวิโรจน์ จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่พร้อมทลายกับข้อจำกัดทุกอย่าง เรื่องนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าใครบริหารเป็นหรือไม่
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ตอนปราศรัยปิดพรรคอนาคตใหม่ ช่วง มี.ค.2562 ก็มีกระแสให้โหวตเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งนี้ก็มีมาอีกแล้ว ขอบอกว่าให้ลองดูตัวตน พื้นฐานความคิด แนวนโยบายของผู้สมัครทุกคนอย่างละเอียด แล้วตัดสินใจจากจิตสำนึก ไม่ต้องกลัวเรื่องแมวคาบไปดม หากคิดว่านายวิโรจน์ต้องเป็นรอบนี้ทันที ก็ออกไปกาเบอร์ 1 ให้ถล่มทลาย เพราะเขาจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. เรื่องง่ายๆ ก็เท่านี้ เทคะแนนให้นายวิโรจน์
“ต้องเลิกได้แล้วครับ โหวตเชิงยุทธศาสตร์ รายละเอียดผู้สมัครแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แก่นสาระสำคัญไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ที่ชัดเจนคือไม่มีผู้สมัครไหนยืนยันเหมือนนายวิโรจน์ คือ เรื่องของเมืองที่คนเท่ากัน ท้าชนกล้าชนต้นตอปัญหา” นายปิยบุตร กล่าว
ต่อมา เมื่อเวลา 20.40 น.นายวิโรจน์ ปราศรัยว่า หลายคนบอกว่าวันนี้อยากให้พูดมันๆ แบบดุดัน แต่วันนี้จะขอพูดอีกรูปแบบหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น อยากให้คนรู้ว่า 12 นโยบายสร้างเมืองที่คนเท่ากันเกิดมาได้อย่างไร เพื่อนของตนเป็นชนชั้นกลางมาตั้งคำถามว่า พวกเขาจะได้อะไรจากนโยบายของเรา ตนบอกว่าให้นึกถึงวันที่เราทำงาน ให้นึกถึงแม่บ้านคนหนึ่งชื่อพี่แป้น ขอให้นึกว่าคนจนเมืองอยู่รอบตัวเรา คนจนเมืองหลายคนเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นแม่เป็นพ่อของเพื่อนเรา พี่แป้นเป็นแม่บ้านมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ แต่วันที่ป่วยด้วยโรคไต ต้องฟอกไต จุดเริ่มต้นทุกคนช่วยกันรวบรวมเงินให้ไปฟอกไต เรื่องนี้สะเทือนใจว่า คนจนเมืองเขาอยู่รอบตัวพวกเรา วันหนึ่งที่เขาล้ม พวกเราที่เป็นชนชั้นกลางต่างก็ให้การช่วยเหลือ และก็มาถามกันว่าเมื่อไรประกันสังคมจะให้ฟอกไตได้ตามสิทธิเสียที เพราะพวกเราเริ่มบริจาคกันจนไม่ไหวแล้ว ทุกคนมีค่าใช้จ่ายต้องกินต้องใช้
“ทำไมเมืองนี้ต้องพึ่งพาการบริจาค ทำไมต้องพึ่งพาความหวังดีของคนหนึ่งคนที่ไม่อยากเห็นเพื่อนร่วมงานตายหรือเดือดร้อนเพียงเพราะเขาเป็นคนจน สุดท้ายพอเขาเดือดร้อน แล้วเมืองมันห่วย เมืองไม่ได้พูดแทนคนจน พวกเราก็ต้องมาโอบรัดปัญหาของเมืองนี้ใช่หรือไม่ แล้วเราจะเอาบริจาค ความหวังดีของเราแก้ปัญหาให้เมืองนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ นั่นคือรากคิดของนโยบายเมืองที่คนเท่ากัน” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า อีกกรณีไปเจอพ่อค้าหมูปิ้ง บอกว่าจ่ายค่าน้ำค่าไฟแพง เหตุเพราะไม่มีทะเบียนบ้าน ขอทะเบียนบ้านชั่วคราวไม่ได้ ทำให้น้ำขอไฟไม่ได้ ต้องไปต่อมิเตอร์จากบ้านหลังอื่น และจ่ายค่าน้ำค่าไฟแพงกว่าคนอื่น ทำไมเมืองนี้ซ้ำเติมคนยากจน เมื่อถามว่าทำไมเขาไม่ชนกับปัญหา เขาบอกว่า เขาติดต่อจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ชนจนต้องยอมจำนนกับสภาพเหล่านี้
นักข่าวถามว่า ทำไมนายวิโรจน์ไม่พูดถึง กทม.ในแง่ดีบ้าง หลายคนก็อยากพูด แต่เอาไว้พูดในโอกาสอื่นดีกว่า คนเขาไม่ได้เลือกผู้ว่าฯ กทม.เพื่อให้มาน้ำท่วมปาก โดยไม่ต้องพูดถึงปัญหาคนจนคนยาก
สำหรับเด็กเล็ก กลุ่มแรกเกิด ถึง 6 ปี เรายอมรับกันมาดีๆว่า เราเจอเด็กเล็กยากจนในชุมชน มองด้วยตาก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าปล่อยให้อยู่แบบนี้ ไม่อาจจะเติบโตที่เป็นผู้ใหญ่ที่วิ่งตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ได้เหมือนพวกเรา แล้วเราเผลอฝันอะไรกับการสร้างคนไทยให้เป็นพลเมืองโลก ในเมื่อวันนี้เยาวชนยังถูกทอดทิ้งแบบนี้ แล้วเมืองนี้ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย และอย่าโทษพ่อแม่ เพราะเด็กเกิดมาแล้ว เราพูดกันให้ตาย ก็คือครอบครัวอบอุ่นในจินตนาการ แต่เมืองและผู้ว่าฯกทม.ที่มาจากการเลือกของประชาชนเป็นโจทย์ในการแก้ปัญหา นั่นคือสวัสดิการที่เราต้องเติมเข้าไปอีก
“ชนชั้นกลางถามว่าเขาได้อะไร เขาเห็นความสุขของคนไง เขาไม่ต้องเห็นคราบน้ำตาของคน ไม่ต้องมาควักเงินบริจาคที่คุณไปแก้ปัญหาไม่ได้” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ความเหลื่อมล้ำที่ไม่พูดไม่ได้ที่คลองสามวา ลางกระบัง บึงกุ่มบางส่วน น่าเศร้าว่าบางชุมชนไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีผู้ว่าฯ กทม.คนไหนที่ไปชนกับการประกานครหลวง เพื่อที่จะบอกว่าถ้าไม่ลงทุน ก็จะให้สิทธิ์คนอื่นเดินท่อประปาให้กับประชาชน จะปล่อยให้เขาทนไม่มีน้ำใช้ ทั้งที่ข้ามไปไม่อีกกี่กิโลเมตรก็เจอกับจังหวัดปทุมธานีมีน้ำประปาใช้หรือ
“สิ่งที่เป็นความฝันของทุกคน ผมโอบรับเอาไว้และทำคนเดียวไม่ได้ ผมต้องอาศัยเพื่อนร่วมงาน นั่นคือ ส.ก.ของพรรคก้าวไกล ผมขอยกคำพูดของ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล มาพูดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้หลายคนเป็น doubters แต่วันนี้ทุกคนเป็น believers แล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว