'ถาวร' น้ำตาตกใน คำวินิจฉัยศาล รธน.ชี้พ้นสภาพ ส.ส. 'ชุมพล' ย้ำ ไม่เสียใจที่ได้ทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง ขณะที่ พปชร.เลื่อนบัญชีรายชื่อ 'ต่อศักดิ์ อัศวเหม' ขึ้นแทน 'พุทธิพงษ์' เจ้าตัวเผย ถึงเวลาพักการเมืองที่รัก ย้ำเจ็บแต่ต้องอดทน 'ณัฏฐพล' เสียใจ แต่น้อมรับคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า แม้ตนจะยอมรับโดยหลักการ แต่เหตุผลตนไม่เชื่อถือ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ระบุว่าเปิดโอกาสให้ศาลพิจารณาคดีในสมัยการประชุมได้ แต่จะไปขัดขวางการทำหน้าที่ไปประชุมของสมาชิกไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญเขียนคำวินิจฉัยเอาไว้ว่า เมื่อพิพากษาเสร็จแล้ว ไม่ใช่กระบวนการพิจารณา เพราะฉะนั้นจะนำมาตรา 125 วรรคสี่มาบังคับใช้ไม่ได้ ถามกลับไปว่าการใช้ดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ส่งคดีไปยังศาลอุทธรณ์ การใช้ดุลยพินิจในการไม่ให้ประกันตัว เขาเรียกว่าอะไร เขาไม่เรียกว่ากระบวนการพิจารณาโดยใช้ดุลยพินิจของศาลหรือ
นายถาวร กล่าวว่า แต่เมื่อศาลใช้แนวทางอย่างนี้ต่อไป ถ้าหากว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐจับกุม ส.ส.สัก 20 คนขังสัก 1 นาที ส.ส.เหล่านั้นก็จะขาดการเป็นสมาชิกภาพ ไม่สามารถประชุมลงมติไม่ได้ ก็จะมีการกลั่นแกล้ง แนวทางนี้ขอความกระจ่างจากศาลรัฐธรรมนูญในการใช้ทัศนคติ วิสัยทัศน์ในการมองการณ์ไกลสำหรับวงการการเมือง อย่างไรก็ตามตนยอมรับโดยดุษฎีภาพ ซึ่งตนจะไปร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายถาวรยังได้นำบัตร 3 ใบมาแสดง คือบัตรประจำตัว ส.ส. สงขลา บัตรรัฐมนตรีช่วยคมนาคม และบัตรสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มาโชว์ให้สื่อดู พร้อมบอกว่าเจ็บปวดมากสำหรับชีวิตนักการเมือง เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2511 สมัยเรียน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 1 มาถึงวันนี้ก็ 53 ปี เป็น 53 ปีของความภาคภูมิใจ 53 ปีของความชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ 53 ปีที่ทุ่มเท ทำงานร่วมกับ เพื่อนพ้องน้องพี่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญเขียนว่าตนเป็นผู้ที่มีความมัวหมอง มีความไม่น่าไว้วางใจ มีความน่ารังเกียจจากการกระทำความผิด คุณไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นนักการเมือง ที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคำวินิจฉัยของศาลวันนี้ ส่งผลให้ผมต้องขาดความเป็นสมาชิกกับภาพพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะในข้อบังคับพรรคล้อกับรัฐธรรมนูญมาตรา 98
"ด้วยน้ำตาตกใน ด้วยอกระทม ด้วยความเจ็บปวด ที่ไม่มีคำบรรยายใด ๆ ทั้งสิ้น ที่จะบอกพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ บอกกรรมการบริหารพรรค บอกบรรพบุรุษของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ผมสิ้นแล้วซึ่งเกียรติยศที่จะเป็นสมาชิกพรรคด้วยคำวินิจฉัย" นายถาวร กล่าว
'ลูกหมี' ลั่นไม่เสียใจได้ทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง
ด้านนายชุมพล จุลใส หรือ ลูกหมี อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชุมพล จุลใส หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ระบุว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความรู้สึก ไม่เสียใจที่ได้ทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง แม้ไม่ได้เป็น ส.ส.ในวันนี้ แต่อุดมการณ์ยังแน่วแน่ ยังคงทำเพื่อประชาชนต่อไป”
ขณะที่นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. จะมีสมาชิกพรรคเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร จะยื่นแสดงความจำนงขอเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค
พปชร.เลื่อน 'ต่อศักดิ์ อัศวเหม' แทน 'พุทธิพงษ์'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาลอาญาในคดีขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ทำให้ต้องมีการเลื่อนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคพลังประชารัฐในลำดับถัดไปขึ้นมาแทน คือ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 22 สำหรับนายต่อศักดิ์อยู่ในกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า และเป็นญาติของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ
นายต่อศักดิ์ กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องดังกล่าว ขณะนี้รอดำเนินการตามขั้นตอนของสภาต่อไป ส่วนตัวปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไร จึงไม่มีปัญหา พร้อมทำหน้าที่ ส.ส.
ต่อศักดิ์ อัศวเหม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
'พุทธิพงษ์' ถึงเวลาพักการเมืองที่รัก ย้ำเจ็บแต่ต้องอดทน
ด้านนายพุทธิพงษ์ โพสต์ข้อความผ่าน พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ว่า จากข้าราชการธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีความฝันว่าอยากจะช่วยเหลือประเทศของตัวเอง บอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากทำงานการเมือง ตั้งใจอยากจะทำอะไรดีๆให้บ้านเมืองบ้าง หลายๆคนก็เตือนว่ามันไม่ง่ายเพราะเราไม่ได้มีฐานการเมืองเหมือนคนอื่น ต้องเริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เราก็ตัดสินใจเดินตามความฝันของตัวเอง จากการตัดสินใจในวันนั้นมาถึงวันนี้ 20 ปีเต็ม ผ่านเรื่องราวมากมาย ได้พบกับสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆมากมาย ที่สำคัญได้พบกับประชาชนที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เป็น ส.ส กรุงเทพฯสมัยแรก เขตพญาไท เขตราชเทวี และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ตามด้วยสมัยต่อมาเขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง จนมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 ของพรรคการเมืองหลักของรัฐบาลนี้ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่อีก 1 ปี 6 เดือน
นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า ตลอด 20 ปี ตนเชื่อมั่นในเสียงประชาชน เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย ลงสมัคร และ เป็นส.ส ที่มาจากการเลือกตั้ง เชื่อมั่นในทุกๆ คะแนนและความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้มาตลอด วันนี้ก็คงถึงเวลาที่ต้องพักงานการเมืองที่รักและทุ่มเทมาตลอดแล้ว ด้วยคำพิพากษาที่เกิดขึ้น คงสะท้อนอะไรหลายๆอย่างในกระบวนการยุติธรรม แต่เราอยู่ภายใต้กฏและกติกา ก็ต้องรับในคำตัดสินนั้น
"ขอบพระคุณในทุกๆกำลังใจที่มอบให้มาโดยตลอด ผมยืนยันในอุดมการณ์และความตั้งใจที่ดีต่อประเทศชาติไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่โอกาสที่จะทำหน้าที่ทางการเมืองจากนี้คงลดลง ความตั้งใจดีที่ทำมาคงพอมีเหลือให้ได้คิดถึงกันบ้างนะครับ เจ็บปวดแต่ก็ต้องอดทน #เจ็บแต่ไม่จบ" นายพุทธิพงษ์ กล่าว
'ณัฏฐพล' เสียใจ แต่น้อมรับคำตัดสิน
ส่วน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ โพสต์ข้อความผ่าน Nataphol Teepsuwan - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ว่า ตลอด 15 ปี บนเส้นทางการเมือง เคยเป็น ส.ส.สอบตก เคยเป็น ส.ส.เขต เคยเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เคยเป็นทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เคยเป็นแกนนำ เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เคยเป็นรัฐมนตรี เคยอยู่ในเรือนจำ ตนไม่เคยเสียใจในทุกบทบาทที่ทำ เพราะทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่และชัดเจนมาโดยตลอด คือ การทำเพื่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติที่ตนรัก การที่ออกไปต่อสู้ในฐานะ กปปส. เพื่อปกป้องประเทศชาติจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในวันนั้น จนนำมาสู่การตัดสินคดี ต้องโทษจำคุก 7 ปี 4 เดือน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและยืนยันว่าพ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ความเสียใจย่อมมีเป็นของธรรมดา แต่ขอน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่จะยอมรับเฉพาะคำตัดสินที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง พอคำตัดสินไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ก็ออกมาโวยวาย ประท้วง หาว่าศาลไม่เป็นธรรม
“ที่ผ่านมาผมภูมิใจที่ได้เคยดูแลรับใช้พี่น้องชาวทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ ได้เคยร่วมต่อสู้กับแกนนำและพี่น้องชาว กปปส. ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ได้เคยดูแลกระทรวงศึกษาฯร่วมกับข้าราชการและครูมากมาย มาวันนี้ ผมได้กลับไปทำงานในโรงเรียน ทำกีฬาที่ผมรัก ได้มีเวลาให้กับครอบครัว และผมเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด หากเราทำทุกอย่างด้วยความศรัทธา ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยการคิดดี ทำดี ความสุขมันอยู่ที่ใจครับ” นายณัฏฐพล กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวย้ำว่า ตนขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ตน นายพุทธิพงษ์ นายชุมพล นายถาวร นายอิสสระ ตนเชื่อว่า ทุกคนมีกำลังใจที่ดี และพร้อมทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ขอบคุณจากใจอีกครั้ง