'มนัญญา' มอบนโยบายสารเคมีเกษตร 'พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส' หลังคกก.วัตถุอันตราย มติเเบนตั้งเเต่ 1 มิ.ย. ให้เกษตรกร ส่งคืนภายใน 29 ส.ค.-ผู้ค้า 28 ก.ย. ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 1 ล้าน
วันที่ 1 มิ.ย. 2563 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติการแบนสารเคมีการเกษตร ให้กับหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตร ณ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ว่าตามนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย ในการนี้ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศให้คลอไพริฟอส และพาราควอต เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งห้ามมิให้ผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2563 จึงขอให้เกษตรกร ผู้ค้าผู้จัดจำหน่าย ส่งคืนสารดังกล่าว ในส่วนสารไกลโฟเซต ให้มีการจำกัดการใช้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตร เป็นผู้ดูแลและรวบรวมดำเนินการต่อไป
ด้านนางสาวอิงอร ปัญญากิจ รองอธิบดี กรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ออกประกาศไว้ ให้วัตถุอันตราย พาราควอต และ คลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 กรมวิชาการเกษตร ได้ให้ความสำคัญตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการ พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เมื่อประกาศเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 (วอ.4) ใบทะเบียน ใบอนุญาตผลิต และใบอนุญาตครอบครองซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จะสิ้นสุดทันที ดังนั้น ผู้ที่มีพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ไว้ในครอบครองก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกรมวิชาการเกษตร ดังนี้
⁃ เกษตรกร ส่งคืนให้ร้านที่ซื้อมา ภายใน 90 วัน (ไม่เกิน วันที่ 29 ส.ค. 2563)
⁃ ร้านค้าจัดจำหน่าย ส่งคืนผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า และแจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภายใน 120 วัน (ไม่เกิน วันที่ 28 ก.ย.2563)
⁃ ผู้ผลิตและผู้นำเข้า แจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรเพื่อรวบรวมแจ้งปริมาณวัตถุอันตรายตามแบบ วอ./วก.5 ภายใน 270 วัน (ไม่เกิน วันที่ 25 ก.พ.2564)
จากนั้นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการได้กำหนดวัน วิธี และสถานที่ในการทำลายโดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการทำลาย นอกจากนี้ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการ เกี่ยวกับการจัดการสารคลอร์ไพริฟอส และพาราควอต ของผู้ครอบครองตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ปฏิบัติป็นไปตามประกาศอย่างเคร่งครัด เนื่องจาก ผู้ที่ฝ่าฝืนให้ระวังโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งได้ดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ฏิบัติงาน เกษตรกรผู้ใช้ ผู้รับจ้างพ่น ผู้ขาย ผู้นำเข้าผู้ส่งออก ผ่านช่องทางการรับรู้ต่าง ๆ ได้แก่ หน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซด์ของกรมวิชการเกษตร การประชุมร่วมกับหน่วยงานจังหวัดและพื้นที่ ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาการกษตร (ศพก) และผ่านทางสารวัตรเกษตรอาสา เป็นตัน
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage