ครม.อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
วันที่ 7 เมษายน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 24 สายงาน รวมทั้งสิ้น 38,105 อัตรา และอัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อบรรจุนักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษาในปี 2563 จำนวน 5 สายงาน รวมทั้งสิ้น 7,579 อัตรา รวม 45,684 อัตรา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ไปพิจารณาในรายละเอียดซึ่งรวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
สาระสำคัญ
ตามที่ประเทศไทยได้มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 และกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 โดยยึดหลัก “ชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ” ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถของระบบบริการสุขภาพในเวลาจำกัด เพื่อรองรับการเร่งค้นหาตรวจคัดกรองวินิจฉัยและการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรง ที่แม้จะมีการเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ หรือจำนวนเตียงผู้ป่วย แต่หากกำลังคนมีไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จะไม่สามารถทำให้ผู้ป่วย และประชาชนมีความปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีอัตรากำลังอยู่เพียงร้อยละ 70 ของกรอบความต้องการ จึงประสบปัญหาความขาดแคลนรุนแรงมากขึ้นในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19
ดังนั้น เพื่อรองรับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของภาระงานจากการระบาดของโรค กระทรวงสาธารณสุขจึงมีภารกิจที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านกำลังคนให้มีจำนวนเพียงพอ และมีสมรรถนะเหมาะสมในการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล การควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรค รวมทั้งการส่งเสริมฟื้นฟูสุขภาพของประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการจ้างงานบุคลากรที่ให้บริการผู้ป่วยติดเชื้อโดยตรง และสายงานสนับสนุนงานตรวจรักษาวินิจฉัยคัดกรองที่ต้องสัมผัสกับเชื้อโรค ได้แก่ แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ และสหวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริการด้านสาธารณสุข ในระบบการจ้างงานทางเลือก ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรม และสั่งสมประสบการณ์การทำงานในสาขาวิชาชีพ เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติงานด่านหน้าที่จะต้องทำงานเป็นเวรผลัดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเป็นกำลังหลักในการหมุนเวียนไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งหลักฐานเชิงประจักษ์พบว่า บุคลากรในระบบการจ้างงานทางเลือกดังกล่าว มีอัตราการลาออกจากงานและอาจเป็นปัจจัยผลักให้บุคลากรกลุ่มนี้ลาออกในช่วงที่ประเทศประสบภาวะวิกฤตขาดแคลนกำลังคน
กระทรวงสาธารณสุขจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขออนุมัติตำแหน่งข้าราชการอัตราตั้งใหม่ เพื่อบรรจุบุคลากรดังกล่าวเป็นข้าราชการ รวมทั้งการสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานท่ามกลางความเสี่ยง มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายต่อระบบบริการสุขภาพและประชาชน