โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 102 ราย ใน 66 จังหวัด รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,169 ราย หายป่วย 674 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน
วันที่ 5 เมษายน ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาลไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “COVID-19” นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น นายกรัฐมนตรีได้ติดตาม 158 คนไทยที่ได้ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิและให้ไปติดตามตัวมากักตัว โดยนายกฯ สั่งการให้ผู้รับผิดชอบต่างๆ ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถจัดการได้อย่างเรียบร้อย 158 รายร่วมมือกับภาครัฐเข้าสู่กระบวนการกักกันแล้ว
โฆษก ศบค. กล่าวการเข้ามารายงานตัวของ 158 ราย พบว่า มีอาการป่วย 3 ราย แบ่งเป็น 65 คน รายงานตัวอยู่ต่างจังหวัด ใน 27 จังหวัด ทั้งนำไปกักตัวที่โรงพยาบาล โรงแรม หรือรีสอร์ต และสถานที่ราชการที่เหมาะสม ส่วนคนกรุงเทพและปริมณฑล รายงานตัว 93 คนกักตัวที่โรงแรมของภาคเอกชนที่เสียสละให้เป็นที่พักอาศัย
"ขณะนี้ทุกท่านให้ความร่วมมือดีมาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปดูแลอย่างดี เพื่อไม่ให้แพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่น" โฆษก ศบค. กล่าว และว่า มีการทดสอบระบบ เมื่อวันที่ 4 เมษายน มีเที่ยวบินเข้าประเทศ 2 เที่ยวบินจำนวน 51 คน มีการประชุมรับทราบและรายงานว่า ได้ใช้บุคลากรจากหลากหลายหน่วยงานบูรณาการการทำงาน ทั้ง กองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ สตม.กระทรวงสาธารณสุข โรงแรมภาคเอกชน ขนส่ง กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ ซึ่งทำให้คนไทยมาถึงเมืองไทยใช้เวลาถึงที่พักเรียบร้อยดีไม่เกิน 3 ชั่วโมง นี่คือเรื่องใหม่ เกิดขึ้นมากระทบต่อทุกคน ต้องขอกราบอภัยคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศ ที่ต้องรอคอยอยู่ที่สนามบินในต่างประเทศ เพื่อให้การเตรียมการเพื่อต้อนรับคนไทยให้ดีที่สุด
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเข้าประเทศวันละ 200 คนสถานที่รองรับต้องมีพื้นที่ และใช้เวลา 14 วัน เป็นเรื่องที่รัฐต้องระดมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ดูแลท่านอย่างดี วันนี้ทุกคนทำงานหนักมาก น้อยประเทศที่ดูแลได้ดีขนาดนี้ อาหาร 3 มื้อ มีทหารเวรยาม นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับทุกคน "ท่านเป็นญาติเรา เป็นพี่น้องต้องได้รับการดูแลอย่างดีขอให้อดทน"
โฆษก ศบค. กล่าวถึงการประกาศเคอร์ฟิว การงดออกนอกเคหสถานนั้น ผลงานที่เกิดขึ้นมีการตั้งจุดตรวจ 634 จุด ในพื้นที่ 77 จังหวัด คืนวันที่ 3-4 เมษายน มีรถผ่านจุดตรวจ 7.9 พันคัน ผู้ผ่านจุดตรวจกว่า 1 หมื่นคน พบการกระทำผิด รวมถึงกลุ่มมั่วสุม เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 102 ราย ใน 66 จังหวัด รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,169 ราย หายป่วย 674 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน (รายที่ 21 ชายไทย อายุ 46 ปี ,รายที่ 22 ชาย สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ อายุ 82 ปี รายที่ 23 ชายไทย อายุ 30 ปี ) รวมผู้เสียชีวิตสะสม 23 คน
ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 102 ราย กลุ่มสถานบันเทิง กับพิธีกรรมทางศาสนา ลดลง แต่คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ กลายเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ จึงเชื่อมโยงการเดินทางมาจากต่างประเทศ รวมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
"การกระจายของผู้ป่วยติดเชื้อในกรุงเทพทะลุ 1 พันคนแล้ว ติดเชื้อจำนวนเยอะทำให้เราต้องมาช่วยกันมากๆ และมี 11 จังหวัดไม่พบรายงานการรักษาผู้ป่วย วันนี้ทุกจังหวัดมีความเสี่ยง "
สถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ณ วันที่ 5 เมษายน 2563 เวลา 09.04 น.อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 311,357 ราย 2. สเปน จำนวน 126,168 ราย 3. อิตาลี จำนวน 124,632 ราย 4. เยอรมัน จำนวน 96,092 ราย 5. ฝรั่งเศส จำนวน 89,953 ราย
โฆษก ศบค. วิเคราะห์ถึงผู้เสียชีวิต 20 ราย ตั้งแต่ 4 มกราคม - 4 เมษายน 2563 อัตราการป่วยตาย 0.97% เป็นชายมากกว่าหญิง และมีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต ไขมันในเลือด โรคหัวใจ ปอดเรื้อรัง สำหรับปัจจัยเสี่ยงการเสียชีวิต จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 2 พันกว่าคน พบว่า ผู้ชายเมื่อป่วยแล้วจะเสียชีวิตมากกว่าหญิง รวมถึงผู้สูงอายุต้องระวังเป็นพิเศษ
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นมติทางการแพทย์แล้วว่า แม้ท่านกักตัว 14 วันก่อนเข้าไทย แม้อายุไม่มาก และมีใบรับรองแพทย์ แต่สามารถทำให้เกิดการกระจายตัวของผู้ป่วยติดเชื้อไปทั่วประเทศไทย และนี่คือเหตุที่ ทำไมเราถึงต้องเข้มที่สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากเราเรียนรู้ว่า หากคุมได้ไม่ดี 1-2 คนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ จะเกิดการติดเชื้อแพร่กระจายไปได้ อย่างกรณี 158 รายกลับมากักตัว รัฐบาลต้องขอบคุณมากๆ