โฆษก ศบค. แถลงผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 89 ราย ดับอีก 1 ย้ำชัด ผู้ป่วยรายใหม่ประวัติจากสนามมวยลดลง แต่กลับพบเพิ่มในกลุ่มคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ยัน 158 ลงสุวรรณภูมิ รายงานตัวด่วนก่อน 6 โมง เพื่อนำมากักตัว 14 วัน
วันที่ 4 เม.ย. 63 เวลา 11.30 น. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือหลังมีการประกาศเตอร์ฟิววันแรก ได้รับความร่วมมือระดับหนึ่ง พร้อมกันนี้นายกฯ แสดงความเป็นห่วงคนไทยที่เข้าประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนมีประเด็นปัญหาไม่เข้าใจกัน นายกฯ สั่งการไม่ควรให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
โฆษก ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทย พบคนไข้หายป่วย 612 ราย ปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 2,067 ราย (พบใน 64 จังหวัด) ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 89 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 คน รวมเสียชีวิตสะสม 20 คน โดยผู้ป่วยรายใหม่ประวัติมาจากสนามมวยลดลง แต่กลับพบว่า ที่เพิ่มขึ้น คือกลุ่มคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งคนกลุ่มนี้เหมือนกับที่เกิดขึ้นที่สุวรรณภูมิ ทางรัฐบาลจึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ สำหรับจังหวัดที่ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ เริ่มลดน้อยลง
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึงเหตุที่สุวรรณภูมิเมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 เมษายน พบว่า มีบุคคลที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 158 คน ต้องมารับทราบเรื่องการอยู่ในการกักกัน แต่มีการต่อรองไม่ขออยู่ ไม่ร่วมมือไปอยู่ที่รัฐจัดให้ โดยอ้างเหตุไม่รับทราบมาก่อน ทำให้เกิดการควบคุมกลุ่มฝูงชนไม่ได้ และมีการร้องขอกลับไปบ้านพัก
"158 รายกลับไปยังบ้านพักอาศัย บางรายได้รับการส่งตัวไปพื้นที่รัฐจัดให้ เราจัดพื้นที่ให้อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกทม. ซึ่งคำสั่งการจากที่ประชุมวันนี้ คือ จะต้องมีการกักตัวทุกคน 100% จำนวน 158 คน ต้องเรียกตัวเข้ามาทั้งหมด หากท่านกลับไปสัมผัสครอบครัว ครอบครัวท่านถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ขอให้ท่าน ที่เป็นกลุ่มคนที่อยู่ 158 คน อยู่ทั้งกรุงเทพ นนทบุรี ชลบุรี เรามีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ขอให้รายงานตัวศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุด มี 6 คนเข้ามารายงานตัว และกักตัวไว้แล้ว (เหลือ 152)
กรณีเดินทางกลับไปภูมิลำเนาต่างจังหวัด ขอให้ท่านติดต่อไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนั้นๆ ภายในเวลา 18.00 น.ของวันที่ 4 เมษายน หากไม่ทำตามกฎหมายจะมีโทษ รวมถึงญาติที่สัมผัส หากเป็นห่วงเป็นใย ขอให้มาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปทั้งครอบครัว เพื่อเราจะได้ดูแลท่าน" โฆษก ศบค. กล่าว และว่า สำหรับครอบครัวของผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ขอให้กักตัวเองอย่างเคร่งครัด
กรณีคนไทยเดินทางยังไม่ถึงประเทศไทย ติดอยู่ต่างประเทศนั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ให้คนไทยให้แจ้งสถานทูตประเทศนั้นๆ ก่อน
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายเเพทย์ธนรัตน์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมถึงการติดตามบุคคล 158 คน ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ภาครัฐคงกำชับเเละเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการให้สูงสุด ซึ่งความจริงอยากขอความร่วมมือ หากเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคหรือสนามบิน ด่านใดก็ตาม ออกคำสั่งให้กักกันตนเองเเละให้เฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน ต้องปฏิบัติตาม หากผู้ใดฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ที่สำคัญ โทษนี้มีอายุความ 10 ปี ฉะนั้น ขอให้ทุกคนกลับมารายงานตัว
ทั้งนี้ โทษจำคุกสูงสุด 1 ปี นั้น เข้าใจว่าภาครัฐออกคำสั่งกับผู้เดินทางเข้าประเทศเเทบทุกคน เเละจะพิจารณาความเสี่ยงของประเทศในวันนั้น ๆ ฉะนั้นจะมีบางคนถูกให้ไปกักกันตัวที่บ้านได้ เเละบางคนถูกให้กักตัวอยู่ในสถานที่รัฐจัดไว้
ส่วนข้อกังวลว่า จะให้ไปกักกันห้องละ 3 คน ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั้น เกรงว่าจะติดเชื้อไวรัสฯ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ การจัดพื้นที่อยู่ในการดูเเลของฝ่ายสาธารณสุขในพื้นที่ดำเนินการเเละพิจารณาตามความเหมาะสมเเละเป็นมาตรการเดียวกับกรณีอู่ฮั่น ฉะนั้นจะไม่มีการเเพร่ระบาดของโรค โดยเราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจัดการดูเเลเเละป้องกันการติดเชื้อในสถานที่กักกัน เเละมีมาตรการนอกเหนือจากการเตรียมห้องด้วย เเช่น มีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพื่อป้องกันการเเพร่เชื้อในสถานที่กักกัน
นายเเพทย์ธนรัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีมีการขอให้ผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อบริจาคพลาสมาหรือน้ำเหลือง เพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยว่า โดยหลักการเเล้ว เมื่อคนกลุ่มหนึ่งหายจากการติดเชื้อไวรัสฯ จะมีภูมิคุ้มกัน เเละสามารถนำไปจัดการกับเชื้อดังกล่าวได้ ก่อนหน้านี้จีนเคยนำเสนอข่าวนี้เช่นกัน เรียกว่า การบริจาคภูมิคุ้มกัน ซึ่งไทยเคยทำมาก่อน กรณีของคนขับเเท็กซี่