"...การคุกคามทางเพศไม่สามารถยอมรับได้ทุกกรณี เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบและขาดการยั้งคิด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อผู้เสียหายและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทำให้ประชาชนผิดหวังและกังขาต่อหลักการของพรรค ..."
เป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยขึ้นมาทันที
ต่อกรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและ สส. พรรคก้าวไกล เพื่อพิจารณาความรับผิดกรณีข้อกล่าวหา สส. คุกคามทางเพศ 2 กรณี คือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 และ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ เขต 26
โดยมติที่ประชุม กรณี นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ส่วนกรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กรุงเทพฯ เขต 26 เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เสียง เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค
แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 จึงไม่สามารถมีมติขับออกจากพรรคได้
ภายหลังมติดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะ สส.พรรคก้าวไกลและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องหลายคนได้แสดงความคิดเห็นต่อมติดังกล่าวอย่างแพร่หลาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงรวบรวมความคิดเห็นของ สส.พรรคก้าวไกลและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง มีรายละเอียด ดังนี้
- 2 พ.ย. 2566 นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์)
ระบุว่า คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร #พรรคก้าวไกล มีมติว่าคุณทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม สส. และกรรมการบริหาร ก็โหวตขับคุณถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง ขาดเพียง 10 เสียงก็จะขับออกได้ตามกฎหมาย ถึงขนาดนี้แล้ว ดิฉันขอเรียกร้องให้ สส. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค
- 2 พ.ย. 2566 นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork
ระบุว่า ตัวไอซ์โหวตให้ขับออกทั้งสองกรณีค่ะ
ไอซ์ชอบเรื่องที่ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ (ขออภัยที่เอ่ยนาม)ได้ยกตัวอย่างในที่ประชุม คือเรื่อง สส. ญี่ปุ่น ที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาแล้วไปอภิปรายในสภา พอมีคนทักท้วงเรื่องนี้ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสืบสวนสอบสวนหรือรอให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณา สส. ท่านนั้นรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าผิด จึงรับผิดชอบด้วยการลาออก นี่คือมาตรฐานเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมของ สส. ท่านนั้น
เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านี้ อดีต สส. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เมาแล้วขับ หลังถูกจับ ประกาศลาออกทันทีเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ไอซ์ขอนับถือใจพี่เต้อเลยจริงๆ ทั้งๆสามารถใช้หลายๆวิธีที่จัดการเรื่องได้ แต่พี่ก็เลือกที่จะลาออก เพื่อยืดอกแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างมาตรฐานไว้สูงลิ่ว น่ายกย่องอย่างยิ่ง
ซึ่งในวันนี้น่าผิดหวัง ที่มาตรฐานในการรับผิดชอบต่อสังคมในการปฏิบัติหน้าที่ สส. ของเพื่อนสมาชิกที่กระทำผิดในกรณีอื่นๆ ยังไม่สูงเท่าพี่เต้อ แม้มีการพูดคุยเพื่อชี้แจงรายละเอียด ก็ยังไม่สามารถคิดได้และที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือยังไม่ยอมรับในความผิดของตนเลยด้วยซ้ำไป ประกาศกับสาธารณะชนได้หน้าตาเฉย
แต่ไอซ์ยังพออุ่นใจในอนาคตทิศทางของพรรคได้อยู่บ้าง เพราะกรรมการบริหารยังมีมติเอกฉันท์ ให้ขับออก อย่างน้อยทิศทางเรื่องนี้ต่อสังคมกรรมการบริหารพรรคก็ชัดเจน เป็นธรรมกับสังคม (ขอไม่ใช้คำว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนะ บางฝ่ายที่มาเรียกร้องความเป็นธรรม เอาอะไรมาเรียกร้องก่อน หน้าด้าน) และ ไอซ์ดีใจจริงๆที่ได้รับรู้ได้ว่าสามารถไว้วางใจพี่ต๋อมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้อย่างเต็มที่ ทัศนคติเรื่องการคุกคามทางเพศของพี่ต๋อมชัดเจน มาตรฐานสูงมาก ไม่มีกลิ่นอายของสิ่งที่ชาวเนตเค้าเรียกว่าความ “ชายแทร่” อย่างน้อยอนาคตของพรรคในเรื่องแบบนี้ก็ยังไว้วางใจอะไรไว้กับกรรมการบริหารได้
ถึงแม้ผิดหวังในมติ แต่ไอซ์ก็พยายามอย่างถึงที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะสามารถพยายามได้ ที่จะเข้าใจ ว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเองและไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต้องรับผลร่วมกัน
ในที่ประชุมหารือ ได้มีข้อตกลงกันว่าในกรณีที่มีมติไม่ขับ จะต้องให้ผู้กระทำสำนึกผิด ขอโทษสังคม ขอโทษต่อเหยื่อและเยียวยาเหยื่อ ไอซ์ก็ขอตั้งตารอดู ว่าคำขอโทษจะออกมาจากใจจริงๆหรือจะเป็นแค่การแสดงอีกฉาก ที่ทำเพื่อให้รอดตัวไป
และระหว่างที่รอผู้กระทำผิดแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและเหยื่อ (เรียกว่าแสดงความรับผิดชอบได้ไหมนะ)ไอซ์จะขอหยุดร่วมกิจกรรมกับพรรค หยุดร่วมกิจกรรมกับเพื่อนสมาชิกในพรรค กิจการในโควต้าและขอลาป่วย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในหลักการ จนกว่าจะมีการแถลงรับผิดและขอโทษเหยื่อ อย่างจริงใจของผู้กระทำ
ด้วยรักและเคารพ
พรรคใหญ่กว่าคนประชาชนใหญ่กว่าพรรค
ด้วยความรักที่มีอย่างเต็มเปี่ยมต่ออุดมการณ์พรรคก้าวไกลด้วยความเคารพต่อประชาชนที่เลือกพวกเรามา เคารพมติกรรมาธิการ เคารพมติที่ประชุม เคารพความคิดเห็นของเพื่อน สส.
อาจมีคนไม่พอใจในข้อความในโพสนี้ของเรา ต้องขอโทษจริงๆ แต่ขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้เป็นรูระบายให้ใจเราทีเถอะ
- 2 พ.ย. 2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu
ระบุว่า อย่างที่หลายคนทราบจากแถลงการณ์ของหัวหน้าพรรคเมื่อคืน ว่าในส่วนของข้อกล่าวเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศของ สส. ก้าวไกลใน 2 กรณี กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าทั้ง 2 กรณี มีพฤติการณ์ที่คุกคามทางเพศจริง และผิดวินัยร้ายแรงของพรรค โดยเสนอให้ขับพ้นจากสมาชิกพรรค
เมื่อมีข้อเสนอดังกล่าว รัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดไว้ว่าการขับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นการลงมติในที่ประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมการบริหารพรรค โดยการลงมตินั้นจะต้องได้รับเสียง 3 ใน 4 ของจำนวน สส. และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (ไม่ใช่แค่ที่มาประชุม) ซึ่งจะอยู่ที่จำนวน 116 เสียง จาก 154 เสียง
ผลที่ปรากฎจากการลงมติของ สส. และกรรมการบริหารพรรคที่มาร่วมประชุมทั้งหมด 128 คน:
1. กรณี สส. วุฒิพงษ์ ทองเหลา (ปราจีนบุรี)
- 120 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากมากกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)
2. กรณี สส. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต (กทม.)
- 106 คนลงมติให้ขับออก จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)
ผมเข้าใจดีว่า สส. ในที่ประชุมคนแต่ละคนได้อภิปรายและลงมติบนข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่มีการเปิดเผยความเห็นหรือการลงมติรายบุคคล แต่ล่าสุด มีบางเพจที่ได้กล่าวหาว่าผมเป็น 1 ใน สส. ที่ลงมติไม่เห็นชอบกับการขับออกคุณไชยามพวาน รวมถึงกล่าวหาว่าผม “รวบรวมเสียง” ให้คนโหวตไม่เห็นด้วยกับการขับออกเพื่อปกป้อง “พวกพ้อง” เนื่องจากผมรู้จักกับคุณไชยามพวานมาก่อนที่เขาจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล
ผมถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริงและเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจงความจริงดังต่อไปนี้
1. ผมยืนยันว่าจุดยืนและการทำงานของผมตลอดที่ผ่านมา ยึดอยู่บนหลักการที่ผมคิดว่าถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่ผมรู้จักหรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหน
2. แม้ผมไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคที่รับผิดชอบเรื่องการพิจารณาข้อเท็จจริงของทุกข้อร้องเรียนทางวินัย แต่ในฐานะโฆษกพรรค ผมย่อมต้องมีการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการวินัยในขั้นตอนที่ต้องมีการเตรียมการสื่อสาร - ดังนั้น เมื่อผมทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนต่อคุณไชยามพวาน ผมจึงได้ระมัดระวังและเว้นระยะห่างเป็นพิเศษจากกระบวนการทั้งหมดในกรณีนี้ โดยได้แจ้งเหตุผลดังกล่าวต่อประธานกรรมการวินัยพรรค และหลีกเลี่ยงในการแสดงความเห็นใดๆนอกรอบกับ สส. ทุกคนในพรรคที่สอบถามเข้ามา
3. ในที่ประชุมเมื่อวานที่คณะกรรมการวินัยและกรรมการบริหารพรรคได้มีการรายงานข้อเท็จจริงต่อ สส. ทุกคน เพื่อเปิดให้มีกาารอภิปรายความเห็นก่อนจะลงมติ ผมก็ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยมีประเด็นที่สำคัญว่า
- (i) ในมุมมองของผม การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่มีความผิดที่ชัดเจน คือการมีความสัมพันธ์กับทีมงานของตนเอง เพราะไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะหน้าดูเหมือนจะมีการยินยอมหรือไม่ แต่ในเมื่อทั้งสองอยู่ใน “ความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน” ที่ฝ่ายหนึ่งสามารถให้คุณให้โทษอีกฝ่ายหนึ่งได้ในหน้าที่การงาน ดังนั้น จึงไม่สามารถถูกตีความได้ว่าเป็น “ความยินยอม” ที่แท้จริง
- (ii) หากตระหนักว่ากระทำผิดดังกล่าว ทางออกที่ควรจะเป็นคือการที่ผู้กระทำผิด แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยที่ไม่ต้องรอให้มีกระบวนการวินิจฉัยลงโทษอย่างเป็นทางการ
4. ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงเป็น 1 คนที่ลงมติเห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ซึ่งเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผยที่เพื่อนๆ สส. ทุกคนรับรู้ และเป็นการตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่ผมยึดถือ
5. ผมขออภัยเพื่อนๆ สส. ที่ผมจำเป็นต้องเปิดเผยการลงมติของตนเองต่อสาธารณะ แต่ผมจำเป็นต้องชี้แจงข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่าผมได้ใช้เหตุผลเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวในการลงคะแนนและโน้มน้าวคนอื่นในการลงคะแนน ซึ่งไม่เป็นความจริง และผมเชื่อว่า สส. คนอื่นที่เห็นต่างกับผมและลงมติไม่เห็นด้วยกับการขับออกคุณไชยามพวาน ก็ได้ตัดสินใจบนหลักการและเหตุผลที่เขายึดถือ ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการ “ปกป้องพวกพ้อง”
ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับเหตุผลหรือการตัดสินใจของผม แต่ผมยืนยันว่าทุกการตัดสินใจของผมยึดอยู่บนหลักการที่ผมเชื่อว่าถูกต้อง และเป็นหลักการที่ต้องนำมาใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาค
- 2 พ.ย. 2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์)
ระบุว่า การใช้อำนาจที่ได้จากตำแหน่งของตนไปจูงใจล่อลวงบุคคลอื่นให้กระทำการตามที่ตนต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ในยุคสมัยนี้ หากพรรคก้าวไกลต้องการยกระดับมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ ต้องการป้องกัน ต่อต้านการคุกคามทางเพศและความรุนแรงทางเพศภายในองค์กรหรือสถานที่ทำงาน ให้ได้ ตามที่โฆษณาไว้จริง
ผลมติที่ออกมาวันนี้ นับว่าน่าผิดหวัง (แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญไปบังคับว่าต้องใช้จำนวนถึง 3 ใน 4 ของจำนวน สส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าสูงมาก) แต่เรื่องแบบนี้ เมื่อทั้งคณะกรรมการวินัยของพรรค และทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติว่ามีการกระทำความผิดร้ายแรงแล้ว
หาก สส.ผู้ถูกร้องรู้จักมาตรฐานใหม่ในทางการเมืองอยู่บ้าง รู้จักความรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พรรค เพื่อน สส.คนอื่น ผู้สนับสนุนพรรค และสังคมอยู่บ้าง คิดถึงตำแหน่งหัวโขนที่พึ่งได้มาอย่าง สส. ให้น้อยลงบ้าง สส.ผู้ถูกร้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องมาถึงวันนี้ที่พรรคต้องใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ที่ประชุม สส.ต้องมาลงมติ
เหตุการณ์คราวนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่มีใครได้ มีแต่เสียกันทุกฝ่าย ผู้ร้อง ผู้เสียหาย ถูกกระทำ และถูกกระทำซ้ำอีกทุกครั้งเมื่อต้องชี้แจงหรือถูกสื่อตามสัมภาษณ์ และถูกกระทำซ้ำๆอีก เมื่อไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ พรรคก้าวไกลเสียหาย ถูกโจมตี วิจารณ์ ไม่ใช่แค่กรณีเรื่องการคุกคามทางเพศเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ไว้ใจ ไม่มั่นใจ ที่จะให้ลูกหลานของเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัครหรือทำงานกับคนของพรรค สส.ผู้ถูกร้อง
เมื่อไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ก็จะถูกตำหนิประณามไปตลอด อนาคตทางการเมืองน่าจะไปต่อได้ยากมาก ส.ส.ในพรรค ต้องมาประชุม อภิปราย ลงมติ เกิดความแตกแยก กินแหนงแคลงใจกันในพรรค พนักงานพรรค ทีมงาน เสียความเชื่อมั่น ความนับถือในตัว สส. ไม่อยากปฏิบัติงานให้อีกต่อไป เสียกำลังใจและหมดพลัง ทั้งหมดนี้ คือ ผลพวงจากการไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ไม่กล้ายอมรับผิด ไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ
- 2 พ.ย. 2566 น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) ว่า ลาออกเถอะ แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และประชาชนที่ไว้ใจเลือกคุณมาค่ะ
- 2 พ.ย. 2566 น.ส.ภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กทม. เขต 7 ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์)
ระบุว่า จากกรณี สส.พรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ กานต์ยืนยันเสมอว่าการคุกคามทางเพศไม่สามารถยอมรับได้ทุกกรณี เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบและขาดการยั้งคิด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อผู้เสียหายและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนทำให้ประชาชนผิดหวังและกังขาต่อหลักการของพรรค
เมื่อวานนี้ กานต์ได้แสดงจุดยืนในที่ประชุมพรรค ร่วมอภิปรายในที่ประชุมกว่า 6 ชั่วโมง ทำเต็มที่ในฐานะ สส.หญิงที่ขับเคลื่อนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ไม่อดกลั้นต่อการกระทำความผิด ใช้สิทธิและเสียงของกานต์ยืนยันจุดยืน โหวตขับผู้กระทำออกจากพรรคทั้งสองกรณี โดยคำนึงถึงความถูกต้องและความยุติธรรมต่อเหยื่อ หลายฝ่ายอาจเห็นว่าสิ่งนี้เป็นมาตรฐานที่สูง หากแต่เป็นเพียงมาตรฐานที่บุคคลทั่วไปกระทำกัน และเป็นมาตรฐานที่พรรคก้าวไกลควรไปให้ถึง
กานต์รู้สึกผิดหวังอย่างมากต่อมติที่ออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องแสดงความรับผิดชอบควบคู่กันไป เราสู้กันมาอย่างยาวนาน และจากสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็ยังคงต้องสู้กันต่อไป เหยื่อจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้กระทำรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปอย่างถึงที่สุด
ถึงแม้เสียงโหวตจะไม่ถึง 3/4 ตามรัฐธรรมนูญ แต่ในทางพฤตินัย ก็มีเสียงกว่าร้อยเสียงโหวตให้ขับออก ขอเน้นย้ำให้ผู้กระทำว่าเรื่องนี้ยอมรับไม่ได้และโหวตขับคุณออก ดังนั้นจึงขอให้ผู้กระทำใช้สามัญสำนึกและความละอายใจพิจารณาอีกครั้งว่าควรลาออกด้วยตัวเองหรือไม่ อย่าเป็นคนขี้ขลาดที่หลบอยู่เบื้องหลังตัวเลขที่ตนสามารถใช้เอาตัวรอด การแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้แทน “คน”เป็นสิ่งที่ต้องทำ
การยืนยันในหลักการเป็นเรื่องท้าทายและต้องอาศัยความกล้าหาญทางศีลธรรมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ สส. ที่มีความกล้าหาญแสดงจุดยืนและยืนยันความถูกต้อง วันนี้เราอาจผิดหวัง แต่ก็ขอให้สู้ต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ และซื่อตรงต่อจุดยืนของเราค่ะ
ภัสริน รามวงศ์ 2 พฤศจิกายน 66
- 2 พ.ย. 2566 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์)
ระบุว่า ดิฉันรอจนบ่าย เผื่อว่าคุณไชยามพวานจะใช้เวลาเพื่อคิดในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้เสียหายและพรรค แต่เวลานี้ 14:00 น. ยังไม่มีวี่แววความรับผิดชอบ เรียกร้องนะคะ กล้าหาญสักครั้งในชีวิต ออกมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าให้คนอื่นต้องแบกรับการกระทำของคุณไปมากกว่านี้ เท่าที่ติดตามการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวานนี้ คุณยืนยันว่าคุณไม่ผิด ไหน ๆ เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย ก็ใช้เวลาย้อนดูการกระทำตัวเองอีกหน่อยนะคะว่าสิ่งที่กระทำลงไปเหมาะสมที่จะครองตนในฐานะ "ผู้แทนราษฎร" หรือไม่
- 1 พ.ย. 2566 น.ส.ภัสราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) พร้อมแท็กไปที่นายไชยามพวาน
ระบุข้อความว่า หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน @chaiyamparwaan
- 2 พ.ย. 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ ทวิตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์)
ระบุว่า ไชยาพวาน ควรลาออก และโพสต์เฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า ไชยพวาน ปูอัด ไชยามพวาน ส.ส. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม พรรคก้าวไกล คุณควรลาออก
นอกจากนี้ยังมีสส.และสก.หญิง พรรคก้าวไกล หลายคนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) เป็นสีดำ ได้แก่
น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. เขต 11
น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ
น.ส.ภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กทม. เขต 7
น.ส.ภัสราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.กทม.
นอกจากนี้ วันที่ 2 พ.ย. 2566 นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังจากถูกขับออกจากสมาชิกพรรคว่า ตอนนี้กระบวนการของพรรคสิ้นสุดลง แต่กระบวนการต่อไปคือการพิสูจน์ความจริงโดยส่วนตัว และครอบครัว เพราะที่ผ่านมาเสียหายค่อนข้างเยอะ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกอึดอัดที่ไม่เคยได้ชี้แจงเนื่องจากอยู่ภายใต้กระบวนการของพรรค และต้องเคารพกระบวนการสอบวินัย
นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ซับซ้อน การคุกคามทางเพศมีระดับโทษ ตั้งแต่ถูกเนื้อต้องตัว คำพูด การส่งข้อความตามที่ตนเองเป็นข่าว รวมไปถึงการแสดงออกเชิงคุกคาม ซึ่งกรณีก่อนหน้าที่คนถูกเคยถูกลงโทษเกี่ยวกับคดีทางเพศเหมือนกับตนเองโดน แต่มีการลงโทษแค่ทำทัณฑ์บน 1 ปี แต่กรณีของตนเองรุนแรงที่สุด จึงค่อนข้างผิดหวัง การขับออก หมายถึงเรากระทำผิด หากยึดตามมาตรฐานตำรวจในการรับแจ้งคดีที่เกี่ยวทางเพศ ต้องเกิดขึ้นภายใน 3 เดือน หรือ หากเป็นเรื่องของ สส.ต้องเกิดขึ้นตอนเข้ามาดำรงตำแหน่ง สส.ก่อน แต่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน มิถุนายนปีที่แล้ว ที่ผู้ร้องเรียนนำเอกสาร 200 หน้า มาร้องตั้งแต่ตนเองยังเป็นคนทำงาน
นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีกระบวนการที่ซับซ้อน มีเรื่องการทุจริตในจังหวัด ที่เคยแจ้งไปยังพรรคแต่ยังมีการเพิกเฉย ก่อนจะเกิดเรื่องที่ตนเองถูกร้องเรียน จึงตั้งข้อสังเกตว่า จะเห็นการแถลงข่าวของกรรมการบริหารพรรคล่วงหน้าบางท่าน ถือว่าเป็นการชี้นำหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการให้สัมภาษณ์ล่วงหน้า 2 วัน เป็นธรรมหรือไม่ ตนเองไม่ขอก้าวล่วงว่าทำไปเพราะอะไร และเคารพมติของพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ
นายวุฒิพงศ์ ยังกล่าวว่า ถูกสอบสวนวินัย ครั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. มีกรรมการทั้งหมด 7 ท่าน แต่มาเพียง 6 ท่าน และก็มาสายกว่าหนึ่งชั่วโมง และ ในครั้งที่ 2 วันที่ 30 ต.ค. กรรมการเหลือเพียง 5 ท่าน และมาสายเหมือนเดิม ที่สำคัญกรรมการคนที่ 5 เข้ามาในช่วง 5 นาทีสุดท้ายก่อนยุติการสอบสวน จึงมองว่าคณะกรรมการวินัยสอบสวนไม่เห็นความสำคัญในข้อมูลของตนเอง ความสำคัญระดับชีวิตคน ผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในกระบวนการ
นายวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า ต้องเคารพกระบวนการ ส่วนจะเป็นธรรมหรือไม่ เป็นการพูดของตนเองฝ่ายเดียว อยากให้สังเกตกระบวนการก่อนหน้า และต่อจากนี้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหากมีการแทรกแซงภายในจังหวัด ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการตั้ง สส.เป็นกรรมการวินัยทั้งหมดมีความเหมาะสมหรือไม่
“ความจริงแล้วเรื่องการคุกคามทางเพศ ควรเป็นหมอ หรือจิตแพทย์โดยตรง ว่าผู้ถูกคุกคาม มีความรู้สึกว่าถูกคุกคามจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้เป็น สส.ทั้งหมดที่สอบสวนผม ผมเป็น สส.ภูธร ทำงานเชิงประเด็น จึงไม่มีคอนเนคชั่นกับ สส.ที่ทำงานเชิงการเมือง เสียงจึงห่างกับอีกกรณีไม่กี่ 10 เสียง” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นเรื่องการเมืองภายในพรรคใช่หรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเป็นเรื่องของการเมือง ในส่วนของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ตนขอตอบแทนว่า เขาต้องการที่จะสอบสวนจากภายนอก ไม่ได้ต้องการเข้าสู่กระบวนการของพรรค เพื่อน สส.หลายคนอึดอัด เพราะ สส.ควรมีหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติในการผลักดันกฎหมาย แต่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ซึ่งตนเองเคยเสนอกับพรรคว่าให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายนอก ซึ่งง่ายและไวกว่าแต่พรรคกลับใช้กระบวนการภายใน
“ขอยกตัวอย่างว่า ถ้าผมไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรคบางท่าน หรือเพื่อน สส.บางคน เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ผมอยากมูฟออนออกจากตรงนี้ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ผมเพิ่งก้าวเข้ามาใหม่ ส่วนที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ผ่านไป ส่วนที่ผมมั่นใจในพรรคผมก็เสียใจ เขาไม่ให้เราพูดมาตลอดเราก็พูดไม่ได้ โดยเป็นมติพรรคที่ สส.ทราบดี พอได้พูดก็คือวันนี้ ผมเสียใจที่ไม่มีคอนเนคชั่นเรื่องการเมือง หลังจากนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหน และที่เสียใจมากก็คือ โหวตเตอร์ในจังหวัดปราจีนบุรี ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมา 50 ปี ผมอยากจะขอโทษพี่น้องชาวปราจีนบุรีที่ทำให้ผิดหวัง ถึงแม้ข้อมูลการรับผิดรับชอบ หลังจากนี้จะมีการกระบวนตามมา” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่มีการกดดันให้ลาออกจากในพรรคก้าวไกล นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า "ในขณะนั้นเหตุการณ์ยังไม่ถึงที่สุด แต่เรากลับตั้งตัวเป็นศาล ขณะที่เราไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่เราทำตัวเป็นศาลเพื่อตัดสิน ตนเองคิดว่ากระบวนการที่จะได้ สส. 1 คน มาจากคนหลายหมื่นหลายแสนคน"
**********
บทสรุปสุดท้ายเรื่องนี้ จะลุกลามบานปลายมากกว่านี้หรือไม่
จับตาดูกันต่อไป