ผู้ว่าฯ กทม.สั่งตั้งทีมผู้บัญชาการเหตุป่วนเมือง ตลอด 24 ชั่วโมง ให้รายงานความคืบหน้า พร้อมมอบหมายสำนักการจราจรและขนส่งตรวจสอบและเชื่อมสัญญาณจากกล้อง CCTV ทุกจุด ให้พร้อมเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานเหตุการณ์เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว และได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานเข้ามากำกับดูแลงานรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแทน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเหตุความไม่สงบและการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ กทม. พร้อมสั่งการให้หน่วยข่าวของ กอ.รมน. และ กอ.รมน.จังหวัด เฝ้าระวัง บริเวณศูนย์ราชการ, BTS ช่องนนทรี และพระราม 9 แยก 57/1 และประเมินสถานการณ์ทั้งในพื้นที่ต้องสงสัยและพื้นที่สุ่มเสี่ยง ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความเรียบร้อยของประชาชน
ทั้งนี้ ขอให้เวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องความผิดปกติหรือกระบวนการสร้างสถานการณ์ หากพบสามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางสายด่วนความมั่นคง 1374.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 11.30 น.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เรียกประชุมติดตามสถานการณ์เกิดเหตุระเบิดหลายจุดพื้นที่กทม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ เจ้าพระยา ชั้น 1 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า ) สั่งตั้งทีมผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เที่ยงวันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยให้รายงานความคืบหน้าและการประสานงานด้านต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลข่าวสารเป็นระยะ นอกจากนี้มอบหมายสำนักการจราจรและขนส่งตรวจสอบและเชื่อมสัญญาณจากกล้อง CCTV ทุกจุด ให้พร้อมเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเเละต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้ออกข้อความ (ว.8) ไปถึงผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต เเละผู้อำนวยการสำนักงานต่าง ๆ ให้ช่วยกันดูเเลสอดส่องบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัย หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบเเจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันดูเเลสอดส่องบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัยด้วย หากพบสิ่งผิดปกติให้เเจ้งสำนักงานเขตในพื้นที่ หรือโทร 191 เเละขอให้อย่าเข้าไปสัมผัสหรือใกล้ชิดกับวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เพราะอาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้
สำหรับพื้นที่เกิดเหตุระเบิดที่ซอยพระรามเก้า 57/1 มีรายงานว่า พบเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดเขตสวนหลวงที่กำลังพัฒนาพื้นที่ในซอยขณะนั้นได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 3 ราย ซึ่งขณะนี้ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ประกอบด้วย รายที่ 1 นางคิสนา ผ่องใสสี ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า รายที่ 2 นางสุนทร รอดเสียงล้ำ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ลำเลียงส่งโรงพยาบาลสิรินธร และรายที่3 นางสาวศศินิภา เพชรทองหลาง บาดเจ็บที่แก้วหู ลำเลียงส่งโรงพยาบาลวิภาราม
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สั่งกำชับโอเปอเรเตอร์ทุกค่ายเฝ้าระวังดูแลโครงข่าย คุณภาพสัญญาณ เตรียมพร้อมแก้ไขหากเกิดกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา
โดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ตามที่วันนี้ (2 ส.ค. 2562) มีข่าวการวางระเบิดตามที่ต่าง ๆ โดยรัฐบาลสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้แล้วนั้น เพื่อให้การติดต่อสื่อสารของประชาชนสามรถติดต่อสื่อสารกันได้เป็นปกติ หรือหากเกิดเหตุก็สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อประสานงาน ประสานความช่วยเหลือได้โดยไม่ติดขัด สำนักงาน กสทช. จึงสั่งกำชับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนทุกรายให้เฝ้าระวังดูแลโครงข่ายโทรคมนาคม เครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ คุณภาพสัญญาณ และให้เตรียมพร้อมแก้ไขหากเกิดกรณีฉุกเฉินจนทำให้โครงข่ายได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้ศูนย์สายลม สำนักงาน กสทช. ร่วมเฝ้าระวังติดตามข่าวสาร และคอยประสานงานในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกินเหตุฉุกเฉินต่างๆ ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำนักงาน กสทช. คอยรับแจ้งเหตุกรณีที่มีการสื่อสารขัดข้องด้วย ซึ่งประชาชนสามารถโทรแจ้งปัญหา กรณีพบว่าการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่มีปัญหาจากเหตุฉุกเฉินต่างๆ มาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงาน กสทช. โทร. 1200 ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย