ปิดฉากประชุมอาเซียน ‘จุรินทร์’ ประกาศความสำเร็จในฐานะปธ.ด้านเศรษฐกิจ เผยทำสำเร็จแล้ว 10 จาก 13 ประเด็น บรรลุผลในปี 62
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของไทยในฐานะประธานอาเซียนด้านเศรษฐกิจ ว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับต่าง ๆ ทั้งระดับรองนายกรัฐมนตรี ระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ระดับปลัดกระทรวง ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสหรืออธิบดี จนถึงระดับคณะทำงาน รวมแล้วกว่า 20 การประชุม ซึ่งการเป็นประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ นอกจากที่ไทยจะมีบทบาทและเป็นที่สนใจในประชาคมโลกแล้ว ไทยยังได้มีโอกาสที่จะผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่ไทยให้ความสำคัญ และอาเซียนจะได้ประโยชน์ร่วมกันให้ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างยั่งยืน
โดยในปีนี้ไทยได้กำหนดประเด็นด้านเศรษฐกิจที่อาเซียนจะร่วมกันดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในปี 2562 รวม 13 ประเด็น ซึ่งขณะนี้อาเซียน ดำเนินการเสร็จแล้ว 10 ประเด็น ได้แก่
1.แผนการดำเนินงานกรอบบูรณาการด้านดิจิทัล
2.แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4
3.การส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน
4.หลักเกณฑ์กรอบการจัดตั้งกลไกการชำระเงินสกุลท้องถิ่น
5.การพัฒนากลไกการระดมทุนจากภาคเอกชนสำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
6.แนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการประมงที่ยั่งยืน
7.แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดทุนอาเซียน
8.การจัดทำความบันทึกความเข้าใจระหว่างศูนย์พลังงานอาเซียนและสถาบันวิจัยในอาเซียน และความสำเร็จล่าสุดที่ผู้นำประกาศในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้
9.การประกาศแถลงการณ์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0
10.การสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP)
ส่วนอีก 3 ประเด็นที่เหลือ รมว.พาณิชย์ ระบุ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งประเด็นด้านเศรษฐกิจจะช่วยเหลือความพร้อมของอาเซียนเพื่อรองรับอนาคต ส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งภายในอาเซียน และอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
นายจุรินทร์ เปิดเผยต่อว่า นอกเหนือจากประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ไทยกำหนดแล้ว ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา อาเซียนยังประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง อาทิ 1.การลงนามความตกลงการค้าบริการของอาเซียน ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดทำกฎระเบียบด้านบริการของสมาชิกอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความโปร่งใสในการใช้มาตรการทางการค้าบริการและไม่เป็นอุปสรรคทางการค้าบริการเกินความจำเป็น
2.การลงนามพิธีสารฉบับที่ 4 เพื่อแก้ไขความตกลงการลงทุนของอาเซียนที่ไม่ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนกำหนดเงื่อนไขที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของนักลงทุน ที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากขึ้น
3.การสรุปการเจรจาเพื่อให้ระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนสามารถเริ่มใช้งานได้ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการสามารถดำเนินการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางขอใบรับรองถิ่นกำเนินสินค้าจากหน่วยงานภาครัฐอีกต่อไป
4.การได้ข้อสรุปข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วนของอาเซียน ที่เริ่มเจรจาตั้งแต่ปี 2548 ที่จะทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทีรับรองโดยหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนของประเทศสมาชิกโดยไม่ต้องตรวจสอบซ้ำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาในการส่งออก-นำเข้าสินค้ายานยนต์ภายในภูมิภาค
5.การมีผลบังคับใช้ของความตกลงทางการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง และความตกลงการลงทุนอาเซียน-ฮ่องกง เมื่อวันที่ 11 และ 17 มิ.ย. 2562
6.การลงนามพิธีสารฉบับที่ 1 เพื่อแก้ไขความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อปรับปรุงความตกลงฉบับเดิมที่ครอบคลุมเฉพาะการเปิดเสรีการค้าสินค้าให้รวมถึงการเปิดเสรีการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการคุ้มครองการส่งเสริมและการอำนวยความสะดวกการลงทุน
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเสริมว่า เมื่อ 31 ต.ค. ที่ผ่านมาในช่วงการประชุมอาเซียน ซัมมิท รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนยังได้ลงนามพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนฉบับปรับปรุง ซึ่งเป็นความตกลงที่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาททางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยปรับปรุงพิธีสารฉบับเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2547 ให้ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์และมีความชัดเจนมากขึ้นและสอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมทั้งไทยจะสามารถใช้กลไกระงับข้อพิพาทใหม่ของอาเซียนในการแก้ไขปัญหากรณีข้อพิพาทต่าง ๆ และกดดันสมาชิกให้ปฏิบัติตามพันธกรณี
ทั้งนี้ อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน ปี 2561 มีมูลค่าการค้ารวม 113,792 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 12.91 โดยไทยส่งออกไปอาเซียนในปี 2561 มูลค่า 68,545 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 45,247 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยเกินดุล 23,298 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการส่งออกของไทยไปอาเซียนในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/