ร้องค่ายแนะแนวการศึกษา 'ขายฝัน – จัดงานไม่ตรงปก' นักเรียน-ครู-ผู้ปกครองเสียหายกว่า 700 คน จี้ชดเชยเยียวยา ผูู้จัดเผยโดนใส่ร้าย-ทำลายความน่าเชื่อถือ ด้านสภาผู้บริโภคฯ ยันทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม นัดเชิญบริษัทเข้ามาเจรจาหาทางออก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากกรณีมีตัวแทนผู้ปกครองรวมตัวกันกว่า 100 คน เข้าร้องเรียนสภาองค์กรของผู้บริโภค กรณีลงทะเบียนซื้อคอร์สแนะแนว VVIP ราคา 1,290 บาท vip 990 บาท และ standard 590 บาท จากบริษัทวิสดอม วี กรุ๊ป สิริ เซ็นเตอร์ จำกัด (Wisdom V Academy) เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมภาย ในงาน Thailand Education Expro 2024 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยบริษัทฯ โฆษณาว่า เมื่อลงทะเบียนซื้อคอร์สแล้วจะได้รับสิทธิ โซนกิจกรรมแยกพิเศษ มีพี่เลี้ยง มีเวิร์กชอปแยกเดี่ยวกับรุ่นพี่ และได้คู่มือกิจกรรม ปรึกษาวางแผนการเรียน ทำพอร์ต 30 พอร์ต แบบรายบุคคล และได้รับชุดหนังสือ คลังข้อมูลสอบตรง และเฉลยแบบละเอียด แต่เมื่อพาบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรม กลับไม่ได้รับสิทธิตามที่โฆษณาไว้ โดยมีเด็กนักเรียนกว่า 700 คนได้รับความเสียหายมูลค่ารวมเบื้องต้นมากกว่า 6 แสนบาทนั้น
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 สภาผู้บริโภค นำโดย สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค และภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค พร้อมตัวแทนผู้ปกครองเด็ก ร่วมแถลงข่าว ประเด็น ร้องสภาผู้บริโภคค่ายแนะแนวขายฝัน จัดงานไม่ตรงปก นักเรียนเสียหายกว่า 700 คน ณ สำนักงานสภาผู้บริโภค
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภค ไม่อยากให้สังคมมองประเด็นนี้ เป็นเรื่องเล็กน้อย ดูที่มูลค่าความเสียหายเป็นรายคนแค่หลักพันกว่าบาท การรวมตัวของผู้ปกครองและสถาบันการศึกษาที่ได้รับความเสียหายจากการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม เชื่อว่า มีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหลังรับเรื่องร้องเรียน เบื้องต้นสภาผู้บริโภคได้เชิญบริษัทเข้ามาเจรจาหารือร่วมกันกับผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังว่าบริษัทจะชดเชยเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้บริโภค สภาผู้บริโภคในฐานะเป็นตัวแทนผู้บริโภคตามกฎหมาย หากไม่มีการเยียวยาจะดำเนินการฟ้องคดีแทนผู้บริโภคต่อไป
นางสาวสารี ยืนยันว่า สภาผู้บริโภค มีความประสงค์ให้บริษัทดำเนินการจัดกิจกรรมให้ตรงปก หากไม่สามารถทำได้ขอให้ชะลอการจัดกิจกรรมดังกล่าวในอนาคตก่อน รวมถึงขอให้หน่วยงานที่ถูกพาดพิงตรวจสอบการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานราชการที่ถูกเชิญไปออกงานค่ายแนะแนวขอให้พิจารณาความน่าเชื่อถือของค่ายร่วมด้วย
“ไม่อยากให้ผู้ร้องรู้สึกท้อ หากต้องมีเรื่องของการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรวบรวมข้อมูล เรื่องระยะเวลา หรืออุปสรรคต่าง ๆ และสำหรับผู้เสียหายที่ถูกข่มขู่จากทางบริษัท ขอฝากว่า ไม่ต้องเป็นกังวล สภาผู้บริโภคจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม และขอชื่นชมผู้ปกครองและนักเรียนที่ลุกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ถือว่าเป็นการเตือนผู้ประกอบที่ดีให้ดำเนินการให้ตรงตามโฆษณา” นางสาวสารี กล่าว
ด้านตัวแทนผู้ปกครองเด็กที่ได้รับความผู้เสียหาย กล่าวถึงการไม่ได้รับสิทธิตามที่บริษัทได้โฆษณาไว้ว่า ค่ายดังกล่าวโฆษณาว่า จะมีการแนะแนวจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คณะ และ 100 อาชีพ แต่ในวันงานจริงกลับมีการออกบูธไม่ถึง 10 บูธ และกิจกรรมมีไม่ครบตามที่โฆษณาไว้ ส่วนประเด็นผู้เชี่ยวชาญที่มาให้คำแนะนำ นักเรียนที่เข้าร่วมมีต่างข้อกังขาว่า ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่างที่โฆษณา และเมื่อสอบถามแล้วกลับไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน หรือบางคำถามผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถตอบได้
“ประเด็นแพคเกจวีวีไอพี ที่ค่ายแจ้งว่าจะมีพี่เลี้ยงดูแลตัวต่อตัว มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตัวต่อตัว แต่ความเป็นจริงไม่มีพี่เลี้ยงดูแลหรือได้รับคำแนะนำส่วนตัวแต่อย่างใด ภายในงานไม่มีการประชาสัมพันธ์แจ้งรายละเอียดแต่ละกิจกรรม ปล่อยให้ผู้เข้าร่วมเดินหากิจกรรมกันเอง ส่วนกิจกรรมเวิร์กชอปเป็นเพียงบูธเล็ก ๆ และเนื้อหาที่เป็นพื้นฐาน อุปกรณ์บางบูธไม่สามารถใช้ได้จริง และบางบูธอุปกรณ์ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้เข้าร่วม”
ตัวแทนผู้ปกครองเด็ก กล่าวอีกว่า เด็กหลายคนตั้งใจมาเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับฟังความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และค้นหาตัวเองกับสาขาอาชีพที่ใช่ แต่กลับไม่ได้อะไรกลับไปเลย เพราะเนื้อหาของการบรรยายส่วนใหญ่เป็นไปทางเน้นการลงทุน การทำธุรกิจ มากกว่าเนื้อหาด้านวิชาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการศึกษาที่เด็กควรได้รับ รวมถึงมีเนื้อหาการเหยียดอาชีพอื่นที่มีรายได้น้อย จึงมองว่าเป็นการสร้างทัศนคติที่ไม่ถูกต้องให้กับเด็ก
ขณะที่ประเด็นการได้รับเกียรติบัตรตามที่มีการโฆษณาไว้ว่าจะได้จำนวน 30 ใบ เพื่อนำไปประกอบการทำแฟ้มสะสมผลงานยื่นเข้ามหาวิทยาลัย (พอร์ตแบบรายบุคคล) ตัวแทนผู้ปกครอง ยืนยันว่า ผู้ปกครองบางรายไม่สามารถดาวน์โหลดเกียรติบัตรได้ และรายละเอียดในเกียรติบัตร ไม่ตรงกับความเป็นจริง นักเรียนไม่ได้ปฏิบัติจริงตามรายละเอียดในเกียรติบัตร รวมถึงวันที่ทำกิจกรรมกับวันที่ออกในเกียรติบัตรไม่ตรงกัน ประเด็นที่สำคัญคือไม่สามารถนำไปใช้ประกอบการยื่นมหาลัยได้ เนื่องจากไม่ใช่ค่ายที่ได้การรับรอง อีกทั้ง นักเรียนส่วนใหญ่เป็นกังวลเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคล ที่ทางบริษัทให้กดยินยอมเพื่อจะนำรูปไปใช้ประกอบการโฆษณา ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วนักเรียนไม่เต็มใจยินยอม แต่หากไม่ยินยอมจะไม่สามารถออกตั๋วเข้างานได้
ทั้งนี้ ผู้ปกครองและสถาบันการศึกษาที่ได้รับความเสียหาย ได้มีข้อเรียกร้องใน 4 ประเด็น ได้แก่
-
ขอให้บริษัทชดเชยเยียวมูลค่าความเสียหายให้ครอบคลุมกับค่าเสียหายที่ได้เสียไป เช่น ค่าลงทะเบียน ค่าประกอบอาชีพที่เสียไป เพราะต้องไปส่งลูกเข้าคอร์สแนะแนว ค่าเรียนของสถาบันอื่นที่เสียค่าใช้จ่ายไปเนื่องจากนักเรียนต้องขาดเรียน
-
ขอให้สภาผู้บริโภคตรวจสอบเกียรติบัตรว่า มีหน่วยงานใดยืนยันได้ว่า สามารถนำไปใส่แฟ้มสะสมผลงานได้จริง
-
ขอให้ตรวจสอบเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีการบังคับให้ยินยอมใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อแลกกับตั๋วเข้าร่วมงาน และนำรูปนักเรียนใช้เพื่อการโฆษณา รวมถึงขอให้ลบรูปนักเรียนที่ไม่ยินยอมออกจากช่องทางประชาสัมพันธ์ของบริษัททุกช่องทาง
-
เรียกร้องหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษาช่วยพิจารณาความน่าเชื่อถือของค่ายแนะแนวก่อนรับงาน และฝากกระทรวงศึกษาธิการประชาสัมพันธ์ว่าพอร์ตแบบไหนใช้สะสมงานได้จริง
“แม้ว่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ แต่เราเคยพูดคุยกันหลังจัดงานไปว่ากิจกรรมไม่ตรงตามโฆษณา บริษัทเพียงขอโทษ แต่ไม่มีการเสนอแนวทางรับผิดชอบที่ชัดเจน นอกจากนี้ เคยมีทั้งผู้ปกครองและนักเรียนไปแสดงความเห็นที่เพจเฟชบุ๊ก สุดท้ายโดนบล็อก และบริษัทส่งจดหมายมาแจ้งว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายข้อหาหมิ่นประมาท นี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่กล้าดำเนินออกร้องเรียนเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงผู้ปกครองและนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมมาก่อนหน้าที่ อยากให้ทุกคนเข้ามาร้องเรียนที่สภาผู้บริโภค และ อย่าคิดว่าเงินเล็กน้อย หรือเสียเวลา เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อเด็กๆ หากปล่อยผ่าน จะเป็นช่องว่างทางกฎหมายที่ค่ายใช้หากินกับความหวังของเด็ก ๆ” ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าว
ขณะที่ นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 จากผู้ปกครอง 114 คน ซึ่งมีนักเรียนที่ได้รับความเสียหายกว่า 700 คน และได้ดำเนินการส่งหนังสือถึงบริษัทเพื่อนัดเจรจาไกล่เกลี่ย และสำหรับผู้เสียหายท่านใดที่ได้ชำระเงินล่วงหน้าไปแล้ว หากมีความประสงค์ไม่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม และต้องการเงินคืน ให้ดำเนินการทำหนังสือยกเลิกสัญญา แต่หากบริษัทแจ้งว่าไม่คืนเงินทุกกรณี ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค สามารถร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภคได้ และขอเตือนภัยผู้บริโภคท่านอื่นที่สนใจค่ายแนะแนวในลักษณะดังกล่าว ขอให้พิจารณาจากกรณีนี้เป็นตัวอย่าง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากการโฆษณาที่เกินจริง
“ขอผู้ที่ได้รับความเสียหายเก็บหลักฐานประกอบคือ เอกสารโฆษณา หลักฐานการโอนเงิน หลักฐานช่องแชท และสิ่งที่ได้รับจริงจากงาน แล้วรวบรวมหลักฐานเข้าร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ถูกค่ายแนะแนวแอบอ้างนำไปประชาสัมพันธ์ขอให้ออกมาชี้แจงหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายดังกล่าว” นายภัทรกร กล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล นายภัทรกร กล่าวว่า ตามกฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ระบุว่า ห้ามไม่ให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลเด็กและผู้เยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยปราศจากความยินยอมจากผู้ปกครอง แต่ค่ายดังกล่าวเก็บข้อมูลนักเรียนโดยไม่มีผู้ปกครองรับรู้ และยังไม่มีตัวเลือกอื่นให้เลือกนอกจากกดยินยอม ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ปกครองได้มีการลงบันทึกประจำวันถึงกรณีดังกล่าว ที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในสังคมออนไลน์ ได้มีการแชร์ประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมค่าย และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงค่ายดังกล่าวมากมาย เช่น ค่ายดังกล่าวโฆษณาว่าจะมีการแนะแนวจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คณะ และ 100 อาชีพ แต่ในงานจริงกลับมีเพียงไม่ถึง 10 บูธ และกิจกรรมก็ไม่ครบตามที่โฆษณาไว้ นอกจากนี้ ยังพบว่าของที่ควรจะได้รับไม่ได้มาตามที่โฆษณา บางส่วนก็ถูกนำมาขายแทนการแจกฟรีในช่วงบ่าย
ผู้เข้าร่วมค่ายหลายราย เปิดเผยว่า ใบเกียรติบัตรและวิดีโอที่สัญญาว่าจะได้รับจากค่ายเก่ายังไม่ได้รับจนถึงปัจจุบัน ความรู้ที่ได้จากค่ายก็แทบไม่มีคุณภาพ ใบเกียรติบัตรไม่เป็นที่ยอมรับ ผู้ร่วมค่ายบางคนยังพบการปฏิบัติไม่สุภาพจากสต๊าฟ ทั้งยังมีการลบความคิดเห็นวิจารณ์บนเพจค่ายและมีการขู่ฟ้องร้องผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น
"ค่ายนี้ไม่สมกับราคาที่จ่ายไป โดยกล่าวว่าของที่ได้รับจากค่ายมีเพียงกระเป๋าผ้ากับใบความรู้บาง ๆ ที่หาได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต เวิร์คช็อปโซน VIP ไม่มีความแตกต่างกับโซนธรรมดา แถมยังมีคนเบียดกันเยอะกว่าอีกด้วย"
ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า ในส่วนของเรื่องเกียตรติบัตร 30 ใบ ทั้้ง 3 ด้าน ครอบคลุมทุกคณะ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านการอบรมทักษะการปฏิบัติ และด้านการสอบวัดผลทักษะวิชาชีพ โดยทางสถาบันอ้างว่า ออกให้ในนามบริษัท และสามารถนำไปใช้ยื่นคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย (รอบพอร์ต) ได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 นางสาวไหมฟ้ารดา ธัชรัชตอะนันต์ ผู้บริหารสถาบันผู้จัดค่ายได้ออกหนังสือชี้แจงว่า ทางสถาบันผู้จัดไม่ได้นิ่งนอนในจากปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในระหว่างนี้ ทางผู้จัดอ้างว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้บัญชีปลอมมาแพร่ข้อมูลเท็จในเพจ จึงวอนให้ผู้ปกครองอย่างหลงเชื่อคำพูดเหล่านั้น
มีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยสถาบันพัฒนาวิชาการ WISDOM V ACADEMY ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินงานจัดโครงการ Thailand Education Expo 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 เกี่ยวกับกรณีมีข้อเรียกร้องจากท่านผู้ปกครองนักเรียนบางท่านที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
ซึ่งคณะผู้บริหารมิได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาและข้อเรียกร้องต่างๆที่เกิดขึ้น จึงได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินงานจัดโครงการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ท่านผู้ปกครองและหาข้อยุติโดยเร็วที่สุด
แต่เนื่องจากขณะนี้เป็นวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลและอาจเกิดความล่าช้าในการพิจารณาข้อเรียกร้องได้ และในระหว่างนี้ได้มีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต้องการทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสถาบัน โดยการใช้เฟซบุ๊คปลอมเข้าไปแสดงความคิดเห็นอันเป็นเท็จทางหน้าเพจเฟซบุ๊คของสถาบัน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อท่านผู้ปกครองและผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอื่นๆ
ทางสถาบันจึงขอความร่วมมือจากท่านผู้ปกครองอย่าหลงเชื่อใดๆ และเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงและใช้สิทธิตามกฎหมาย ทางสถาบันได้มอบหมายให้ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายประจำบริษัทดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อผู้ที่มีการแสดง
ความคิดเห็นอันเป็นเท็จหรือสร้างความเสียหายให้กับสถาบันแล้ว
ทั้งนี้ ทางสถาบันพัฒนาวิชาการ WISDOM V ACADEMY ขอให้ทุกท่านที่มีประสงค์แจ้งให้ทางสถาบันฯ ดูแล ติดต่อ หารือ ในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ขอให้ท่าน ลงรายละเอียดไว้ในแบบฟอร์ม QR CODE ที่ให้ไว้ ณ ที่นี้ และทางสถาบันจะดำเนินการติดต่อกลับ ในเวลาทำการ ตามขั้นตอนต่อไป