เรือของกลางหาย 3 ลำรวดในคืนเดียว พร้อมน้ำมันเถื่อน 3.3 แสนลิตร ผบช.ก.ฉุน ชี้ตำรวจบกพร่องตั้งกรรมการสอบ สั่ง รอง ผบช.ก.ลงพื้นที่ด่วน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ว่า มีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำบรรจุน้ำมันรวมกว่าสามแสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ขณะนี้กำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยในเบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้ว พร้อมกับให้กองบังคับการตำรวจน้ำตั้งกรรมการที่มาสอบสวนเป็นการด่วน โดยให้รายงานผลให้ตนทราบโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.) ได้ทำหนังสือรายงานถึง บก.รน. ระบุว่า เรือของกลาง จำนวน 3 ลำ จอดทำการทิ้งสมอในระยะปลอดภัย ระยะห่างจากสะพานตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร ได้หายไป
เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. โดย เรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย 1.เรือ เจ.พี. พร้อมของกลาง น้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ จำนวน 7 คน 2.เรือซีฮอต พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตรพร้อมลูกเรือ จำนวน 6 คน และ 3.เรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือจำนวน 5 คน ได้หายไปจากจุดทิ้งสมอ
เนื่องจาก ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. มีพายุเข้าในพื้นที่ อ.สัตหีบ มีกระแสลมแรง ทำให้สะพานตำรวจน้ำ ไม่สามารถรองรับน้ำหนักเรือของกลาง ที่จอดอยู่บริเวณหัวสะพาน ทั้งหมดได้ จึงให้เรือของกลางๆ รวม 5 ลำ ออกลอยลำเพื่อทำการทิ้งสมอ ในระยะปลอดภัย โดยระยะห่าง จากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร
ล่าสุดตำรวจน้ำสัตหีบ ได้นำเรือตรวจการณ์ 815 และ เรือตรวจการณ์ 632 ออกทำการค้นหา เพื่อติดตามเรือของกลาง ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบเรือดังกล่าวแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. จะไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า เรือทั้ง 5 ลำถูกตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.2 บก.ปอศ.) จับกุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเรือน้ำมันเถื่อนของกลางทั้งหมดจอดรวมกันอยู่ 5 ลำในวันที่เกิดเหตุได้เกิดพายุลมแรงจึงนำเรือทั้งหมดออกไปทอดสมอห่างจากฝั่งประมาณ 100 เมตร จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือดังกล่าวเปิดไฟเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 ม.ย. กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เรือทั้งหมดได้ดับไฟ จนกระทั่งช่วงเช้าจึงพบว่าเรือหายไปแล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า กำลังเร่งคลี่คลายคดีอย่างเร็วที่สุด โดยให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกค้นหาทั้งทางเรือและทางอากาศ เนื่องจากของกลางหายเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะอยู่ในความควบคุมของตำรวจ โดยตนได้สั่งการให้เร่งหาลูกเรือมาสอบสวน ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. ตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด และหาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบต่อไป
สำหรับเรือของกลาง มีทั้งหมด 5 ลำ แต่หายไป 3 ลำ คือลำที่มีน้ำมัน อีก 2 ลำที่ไม่หายเพราะไม่มีน้ำมันของกลางแล้วครับ โดยเรือหายไปครั้งนี้นั้น เป็นเครือข่ายของ 'โจ้ น้ำมันเถื่อน' หรือ 'โจ้ ปัตตานี' ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ
เปิดไทม์ไลน์! เรือขนน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำหาย
ในวันเดียวกันนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ชี้แจงกรณีที่มีการแจ้งข้อมูลเรื่องตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 12 มิ.ย. 2567 โดยได้รับแจ้งจาก สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. ว่าเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ในคดีอาญาเลขที่ 102/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2567 เบื้องต้นขอรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้
1. เรือของกลางในคดีดังกล่าวมี จำนวน 5 ลำ ซึ่ง พงส.บก.ปอศ. ,บก.ป. และ บก.รน. ได้ร่วมกันดำเนินการสืบสวนจับกุม และยึดไว้ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 67 และส่งมอบหมายให้ ส.รน.3ฯ (สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ) เป็นหน่วยเก็บรักษาของกลาง ณ ท่าเทียบเรือสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 67 เป็นต้นมา
2. ในระหว่างการเก็บรักษาของกลางได้สั่งการให้ ส.รน.3ฯ ดำเนินการจัดเวรยามดูแลของกลางให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 24 ชม. และรายงานให้ทราบเป็นประจำทุกวันและให้ระมัดระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง และน้ำเข้าเรือที่อาจทำให้ของกลางเกิดความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมีคนเรืออยู่ประจำเครื่องเรือแต่ละลำอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เรือเกิดความเสียหาย โดยให้ ส.รน.3ฯ วางแผนป้องกันไว้และรายงานให้ทราบเป็นประจำทุกวัน
3. ด้วยเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 18.00 น. สภาพอากาศโดยทั่วไปมีลักษณะคลื่นลมแรง ในทะเลมีคลื่นสูง ซึ่งตามประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา ที่ 32/2567 เรื่องเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ ทราบในภายหลังว่า สว.ส.รน.3ฯ ได้สั่งการให้เรือของกลางจำนวน 5 ลำ ที่มีน้ำหนักมากออกลอยลำ จอดทอดสมอห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบไประยะ 100 ม. เพื่อลดผลกระทบจากลักษณะอากาศดังกล่าวที่อาจทำให้เรือของกลางได้รับความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามดูแลโดยใกล้ชิดซึ่งสังเกตได้จากบนฝั่ง ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นในวันที่ 11 มิ.ย.67 เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือเปิดไฟ แต่ต่อมาช่วงเวลา 22.00 น. เรือทั้งหมดดับไฟ
4. ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย.67 เมื่อมีแสงสว่าง เวรยามในผลัดดังกล่าวตรวจสอบพบเรือของกลาง จอดทอดสมอห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบไประยะ 100 ม. จำนวน 2 ลำ จากเรือทั้งหมดที่จอดรวมกันอยู่ 5 ลำ จึงรายงาน ผบก.รน. ทราบโดยทันที และนำเรือที่เหลือ จำนวน 2 ลำ เข้าจอดเทียบท่าตามปกติ
5. ทั้งนี้ กก.5 บก.รน. ได้รายงานให้ ผบก.รน. ทราบ และสั่งการให้ทุก ส.รน. ในสังกัดช่วยกันสกัดกั้นในตำบลที่ตั้งเรือที่คาดว่าเรือของกลางจะเดินทางไปถึง รวมถึงประสานงานหน่วยงานข้างเคียงในพื้นที่ และเรือประมงรับเฝ้าฟังในวิทยุโดยต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ประสาน บ.ตร. ในการตรวจทางอากาศ และแนวทางการสืบสวนทุกช่องทางที่เกี่ยวข้อง จนปัจจุบันยังไม่พบการเคลื่อนไหว ซึ่งจะได้ดำเนินการ และรายงานผลให้ทราบโดยต่อเนื่องต่อไป
6. จากเหตุการณ์ดังกล่าว บก.รน. ได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจน้ำที่ 731/2567 ลงวันที่ 12 มิ.ย.67 นำโดย พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รอง ผบก.รน. เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้สั่งการให้ ส.รน.3ฯ แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะฯ เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น และหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะรายงานให้ทราบต่อไป