สมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมเปิด 11 ฉายาตำรวจไทย ปี 2565 'บิ๊กเด่น' ได้ 'ผบ.ปีชง' 'บิ๊กโจ๊ก' ได้ 'โจ๊ก เต็มคาราเบล'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2565 เฟซบุ๊กสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น เผยแพร่ถ่ายทอดสด (live) สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยแถลงฉายาตำรวจปี 2565 โดยนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ และคณะ ร่วมแถลงการตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2565
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวในสายงานด้านอาชญากรรมทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำเสนอผลงานของตำรวจสู่สายตาประชาชน เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้นทุกปี ในการตั้งฉายาจะต้องมีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่าง ๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 11 นาย ดังนี้
1. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา 'ผบ.ปีชง' เนื่องจากนับตั้งแต่การก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 3 เดือน 'บิ๊กเด่น' หรือ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ตลอดจนเจอมรสุมเรื่องวงการสีกากี เช่น อดีตตำรวจก่อเหตุกราดยิงที่ จ.หนองบัวลำภู, อดีตตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ขโมยปืนหลวงไปขาย, กลุ่มทะลุฟ้ายื่นเรียกร้อง ผบ.ตร. 3 ข้อให้รับผิดชอบกล่าวหาตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม 'ราษฎรหยุดเอเปค 2022', คดีทุนจีนสีเทาที่สงสัยว่าจะมีข้าราชการตำรวจไปเอี่ยวเรียกรับผลประโยชน์ แลกปล่อยรถหรูที่ผับจินหลิง และล่าสุดเป็นกรณีการโกงสอบเข้าตำรวจในพื้นตำรวจภูธรภาค 9 ทั้งหมด โดยผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจตรวจสอบถอดบทเรียนความผิดพลาดทุกกรณี จนสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไปได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนปีนี้เป็นปีชงของ ผบ.ตร.
2. พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา 'หิน คลีนนิ่ง' เป็นที่ทราบกันดีว่าในรอบปีที่ผ่านมา ข่าวคราวในแวดวงตำรวจเป็นไปในทิศทางลบ มีเรื่องราวต้องให้แก้ไข และทุกครั้งจเรตำรวจแห่งชาติจะถูกมอบหมายให้รับภารกิจในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เปรียบเสมือนพ่อบ้านที่คอยกวาดขยะที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรม ในปีนี้พล.ต.อ.วิสนุ ได้ทำการตรวจสอบข้าราชการตำรวจตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. 65 มีตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น 229 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 178 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 51 นาย จึงเป็นที่มาของฉายา 'หิน คลีนนิ่ง'
3. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา 'โจ๊ก เต็มคาราเบล' พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นนายตำรวจที่มีประชาชนติดตามการทำงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้รับมอบหมายงานด้านสืบสวนสอบสวน เป็นผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมไปถึงการเป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ มีผลงานปรากฏสู่สายตาประชาชนในการทำคดีต่างๆ มากมาย และคดีล่าสุดได้ดำเนินการกวาดล้างขบวนการกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด รวมทั้งขยายผลยึดทรัพย์จับกุมนาย 'ตู้ห่าว' หนึ่งในห้ามาเฟียกลุ่มจีนสีเทา โดยการดำเนินการในแต่ละครั้ง 'บิ๊กโจ๊ก' จัดหนัก จัดเต็ม ทุกรูปแบบทุกมิติ ทั้งขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์ จึงได้รับฉายา 'โจ๊ก เต็มคาราเบล'
4. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ชื่อเล่นว่าหลวง ได้รับฉายาว่า 'แมวหลวง สตช.' พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ เป็นนายตำรวจที่เก่งทั้งบู๊-บุ๋นและเป็นหนึ่งเดียวในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ.ตร. และ รองผบ.ตร. ให้ดำเนินการและดูแลงานครบทุกหน้างาน โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ ล่าสุดเรื่องของการจับกุมผู้ลักลอบเล่นทายพนันฟุตบอลโลก ที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 12,245 ราย ยึดทรัพย์กว่า 1,770 ล้าน เงินสะพัดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จึงได้รับฉายา 'แมวหลวง สตช.'
5. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ฉายา 'โอ๋ เดอะสตาร์' พล.ต.ท.ธนายุตม์ เป็นนายตำรวจฝีมือดีที่ทำงานเชิงรุกจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ได้รับความไว้วางใจดูแลพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถจับกุมคดียาเสพติด ยาบ้า ยาไอซ์ ยาเค เฮโรอีน ได้เป็นจำนวนมาก และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่า ร่วม 100 ล้านบาท จับกุมคดีอาวุธสงคราม 2 พันกว่ากระบอก ผู้ต้องหา 2,589 ราย และจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3,033 คดี ผู้ต้องหา 3,024 ราย ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ที่เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลกเป็นอันดับ 1 ของกองบัญชาการ จนเป็นที่โดดเด่นในสายตาของประชาชนและสื่อมวลชนจึงได้รับฉายาว่า 'โอ๋ เดอะสตาร์'
6. พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้รับฉายา 'นายพลรูบิค' จากกรณีคดีกราดยิงในพูลวิลล่าพื้นที่ จ.ชลบุรี มีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายคน แต่ต่อมาภายหลังชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล พบความผิดปกติว่ามีกระบวนการในการช่วยเหลือสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาโดยมีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง มีทั้งระดับรองผู้บังคับการและยังปรากฏมีชื่อ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ผบ.ตร. จึงลงนามในคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 14 พ.ย. 2565 สุดท้ายรูบิคจะหมุนไปถูกสีถูกต้องหรือไม่จะถูกหรือผิดก็ต้องรอดูผลการสอบต่อไป
7. พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 ได้รับฉายา 'นายพลดับเครื่องชน' พล.ต.ต.วันไชย เป็นนายตำรวจอีกท่านหนึ่งที่ฝันสลายจากการแต่งตั้ง หลัง 'ดับเครื่องชน' ร้องศาลปกครองฟ้องผู้เป็นนาย ที่แต่งตั้งโยกย้ายคนอื่นข้ามหัว โดยระบุว่าตนมีคุณสมบัติครบถ้วนและดีกว่าคนอื่นที่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ครองยศ พล.ต.ต.มานานกว่า 7 ปี และครองตำแหน่ง รอง ผบช. ถึง 4 ปี ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งแต่งตั้งก็เป็นตัวเก็งว่าจะถือตั๋วคว้าตำแหน่งผบช.ภ.8 จนกระทั่งมติ ก.ตร.แต่งตั้งโยกย้ายเสร็จสิ้น กลับไม่ปรากฏชื่อเป็นผู้บัญชาการใดสักแห่ง ล่าสุดการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ผู้บัญชาการ (ผบช.) นอกวาระประจำปี ปรากฏว่ามีชื่อ พล.ต.ต.วันไชย เป็นจเรตำรวจ (สบ. 8) เทียบเท่าผู้บัญชาการ จึงเป็นที่มาของฉายา 'นายพลดับเครื่องชน'
8. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับฉายา 'จ๋อ ขอดเกล็ดมังกร' พล.ต.ต.ธีรเดช หรือ 'จ๋อ' ธรรมสุธีร์ คนเก่าคนแก่ (ลูกหม้อ) นครบาลที่มีผลงานโดดเด่นเรื่องการจับกุม ตามเช็กบิลคดีสำคัญได้มากมายจนได้รับความไว้วางใจให้กลับมาดูแลศูนย์สืบนครบาล จนล่าสุดนำกำลังปฏิบัติการทลายผับ 'จินหลิง' ย่านยานนาวาจับกุมกลุ่มคนจีนอัพยาในสถานบันเทิง จนนำไปสู่การเปิดโปงขบวนการของนายตู้ห่าวนำไปสู่การกวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำผิดกฎหมายในเมืองไทย จึงได้รับฉายาว่า 'จ๋อ ขอดเกล็ดมังกร'
9. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้รับฉายา 'มือปราบคอลเซ็นเตอร์' เนื่องจากปีที่ผ่านมามีกลุ่มแก็งคอลเซ็นเตอร์ อาละวาดหลอกลวงคนไทยในหลายรูปแบบทำให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อศูนย์เสียเงินเป็นจำนวนมหาศาลจนถึงขึ้นฆ่าตัวตายจำนวนหลายราย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงจัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT โดยมี พล.ต.ต.พันธนะ หรือ รองเม่น เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ นำกำลังร่วมกับตำรวจกัมพูชาเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ประเทศกัมพูชา ทั้งหมด 7 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 164 ราย ยอดรวมความเสียหายกว่า 546 ล้านบาท ช่วยทำให้คนไทยหลุดพ้นไม่ตกเป็นเหยื่อของแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้เป็นจำนวนมาก จึงได้รับฉายา 'มือปราบคอลเซ็นเตอร์'
10. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา 'องครักษ์พิทักษ์ สตช.' เรียกได้ว่า พล.ต.ต.อาชยน เป็นโฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีผลงานโดดเด่นในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทุกครั้งที่มีการแถลงข่าวหรือประชาสัมพันธ์งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปรากฏภาพของพล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ออกมาคอยตอบปัญหาชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ และคอยให้ข้อมูลข่าวสารกับทางสื่อมวลชนเป็นอย่างดี จึงเป็นที่มาของฉายา 'องครักษ์พิทักษ์ สตช.'
11. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ได้รับฉายา 'มือปราบคอรัปชั่น' พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ 'ผู้การเต่า' นับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบก.ปปป. ได้ปรับโฉมภาพลักษณ์หน่วยงานที่แต่เดิมเปรียบเสมือนกรุร้าง พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนปัจจุบัน บก.ปปป. กลายเป็นหน่วยงานที่สร้างชื่อของกองบัญชาการสอบสวนกลาง ที่กวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล และข้าราชการบางคนที่เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ เช่น คอรัปชั่น ฮั้วประมูลต่าง ๆ ตลอดจนคดีเงินทอนวัดที่เป็นข่าวโด่งดัง จึงเป็นที่มาของฉายา มือปราบคอรัปชั่น