งานเปิดพิพิธภัณฑ์ “คล้องจิตไทย ครองใจชน” ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
บริเวณชุมชนหลังวัดอนงคารามภายในพื้นที่ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ถือเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง เพราะเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อครั้งพระเยาว์
ในปี พุทธศักราช 2536 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีกระแสพระราชดำริให้อนุรักษ์อาคารเก่าแก่ ซึ่งมีลักษณะและที่ตั้งใกล้ “บ้าน” ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยประทับและจัดสร้าง “อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” พร้อมพัฒนาพื้นที่เป็น สวนสาธารณะระดับชุมชน ซึ่งนายแดง นานา และนายเล็ก นานา ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้พร้อมใจน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน 4 ไร่
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นเจ้าของที่ดินและโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมดำเนินการในรูปคณะกรรมการจัดสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและพัฒนาพื้นที่เป็น “สวนสาธารณะพระราชทาน” โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
นั่นก็เพราะ พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงตรัสว่า “อยากให้ เหมือนที่แม่ให้” อีกทั้งสถานที่แห่งนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนิน 2 ครั้ง
ครั้งแรก เสด็จพระราชดำเนินเปิดอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันอังคารที่ 21 มกราคม 2540
และครั้งที่ 2 ในวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม 2555 เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์
อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ศึกษาพันธุ์ไม้ใหญ่ที่มีมาแต่เดิม อายุกว่า 100 ปี และร่องรอยของอาคารโบราณและศิลปะร่วมสมัย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีที่รวมชนชาติ ทั้งชาวไทย จีน ลาว แขก มุสลิม อยู่ด้วยกันอย่างผสมกลมกลืน
ที่สำคัญอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้ยังได้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้ศึกษาและได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ดั่งพระปณิธานของพระองค์ท่าน “เวลาเป็นของมีค่า”
ปัจจุบัน นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้มีการปรับปรุงนิทรรศการชุดใหม่ ภายใต้ชื่อว่า“คล้องจิตไทย ครองใจชน” เพื่อให้มีเนื้อหาทันสมัย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ที่ผู้เข้าเยี่ยมชมรู้สึกสนุก แต่ก็ยังซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมีนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เป็นประธานเปิดนิทรรศการ
โดยนิทรรศการแบ่งออกเป็น 2 หลัง ได้แก่
พิพิธภัณฑ์ หลังที่ A “สร้อยสังวาลย์สวรรค์”
พิพิธภัณฑ์ A จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จย่า อาทิ เรื่องราวพระราชประวัติเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระราชประวัติด้านการศึกษาด้านต่างๆ เพื่อนำวิชาความรู้มาพัฒนาประเทศ ให้เกิดความเจริญก้าวหน้า และย้อนรอยค่ำคืนประวัติศาสต์อันตรางตรึงใจของชาวไทย เมื่อครั้งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศในขณะนั้น) แรกพบกับ นางสาวสังวาลย์ (พระนามเดิม) ณ สถานีรถไฟเซาท์สเตชั่น กรุงบอสตัน ซึ่งเป็นนักเรียนทุนพยาบาลไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา จึงเกิดเป็น “คืนแห่งรักแรกพบ” พร้อมทั้งจัดแสดงนิทรรศการประวัติชุมชนวัดอนงคาราม ย่านคลองสาน ซึ่งเป็นย่านนิวาสสถานเดิม (บ้านเดิม) เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยถ่ายทอดเรื่องราวลักษณะของตัวบ้านซอยช่างทองบ้านหลังแรกที่ทรงเคยพำนักอยู่ ตลอดจนการดำเนินพระชนม์ชีพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อันเป็นต้นแบบแห่งความเรียบง่ายและพอเพียง
พิพิธภัณฑ์ หลังที่ B “สร้างสรรค์สว่างไสว”
พิพิธภัณฑ์หลังที่ B จัดแสดงนิทรรศการครอบครัวมหิดล เมื่อครั้งทรงประทับอยู่ ณ วังสระปทุม และการเดินทางไปยังเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บรรยากาศทัศนียภาพพระตำหนักดอยตุง พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อาทิ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ทรงงานต่างๆ โครงการพัฒนาดอยตุง โครงการฟื้นฟูป่าพัฒนาคุณภาพชีวิต ทุนการกุศลสมเด็จย่า การเสด็จประพาสหัวเมือง ตลอดจนพระราชจริยวัตรอันงดงามเรื่องของการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์ ดั่งพระราชดำรัส “เวลาเป็นของมีค่า” ซึ่งเป็นแบบอย่างของการใช้เวลาอย่างรู้คุณค่า .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/