"...พรรคเพื่อไทย ได้มีการประกาศนโยบายสิ่งแวดล้อม ในส่วนของการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า หัวใจของการปราบฝุ่นคือการผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิ มนุษยชนขั้นพื้นฐาน สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางโครงสร้างให้พร้อมต่อการรับมือ เน้นที่การเจรจาระหว่างประเทศตัดปัญหาที่ต้นตอ..."
ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี เนื่องจากเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยต่อสุขภาพประชาชนทั้งทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงเฉพาะคนทั้งในกรุงเทพกรุงเทพมหานครและพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ
สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและมีค่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นลําดับแรก ต่อด้วยภาคกลางและภาคตะวันตก และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จะพบในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยมีแหล่งกําเนิดหลักและกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตรหมอกควันข้ามแดน การจราจรและขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาในช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทําให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจายและสะสมในพื้นที่จนเกินมาตรฐาน
และก็ยังถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ ในยุคของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่หลายภาคส่วนให้การจับตามองว่าจะมีแนวทางการแก้ไขหรือรับมือ 'ฤดูกาลฝุ่น' อย่างไร
พรรคเพื่อไทย ได้มีการประกาศนโยบายสิ่งแวดล้อม ในส่วนของการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า หัวใจของการปราบฝุ่นคือการผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อสิทธิ มนุษยชนขั้นพื้นฐาน สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวางโครงสร้างให้พร้อมต่อการรับมือ เน้นที่การเจรจาระหว่างประเทศตัดปัญหาที่ต้นตอ
แก้ไขปัญหาระยะสั้นทันทีหน่วยงานรัฐต้องแจ้งเตือนค่าฝุ่นล่วงหน้าให้ประชาชนวางแผนได้กรณีฝุ่นสูงจะมีการอพยพกลุ่มเสี่ยงให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แบบเดียวกับที่รับมือกับภัยพิบัติอื่นๆ พร้อมทั้งแจกหน้ากากให้กลุ่มเปราะบางรวมถึงสั่งหยุดโรงเรียนเพื่อลดความเสี่ยง
ระยะกลางเพื่อไทยจะประสานกับกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำเข้านาหลังฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อเปลี่ยนตอข้าวให้เป็นปุ๋ยสำหรับอ้อยจะประสานโรงงานน้ำตาลให้ลงทุนตัดอ้อยไถกลบแทนการเผา ควบคู่กันไปจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อดักจับฝุ่นและจูงใจให้คนหันมาใช้ รถพลังงานสะอาดด้วยมาตรการทางภาษี
ระยะยาว ต้องมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดการปัญหาฝุ่น บังคับใช้กฎหมายกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อร่วมกันยุติปัญหาฝุ่นทั้งในประเทศและข้าม พรมแดน รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือเกษตร เก็บเกี่ยวและขุดกลบที่ไม่ต้องเผา เพื่อจัดการฝุ่นให้ถึงต้นตอ
ที่ผ่านมา ในยุครัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน มีมาตรการ ‘ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (Clear Sky Strategy)’ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีการดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมการเผาไร่ และพยายามให้เกิดขึ้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผาทั้งจากอุตสาหกรรม และการเกษตร รวมทั้งการผลักดันการออกกฎหมาย เป็น พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่อยู่ในขั้นตอนทบทวนข้อกฎหมาย และเตรียมเสนอพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร
ต่อมาในยุคของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ได้ดำเนินการต่อเนื่อง โดยได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมหารือกับทางกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งกำหนดมาตรการในการป้องกันมลพิษทางอากาศ ทั้งจากการเผาในภาคการเกษตร ควันและไอเสียของรถยนต์ และฝุ่นควันจากภาคอุตสาหกรรม เช่น มาตรการไม่รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย ข้าวโพด ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่ใช้การเผา
จากมาตรการการเอาจริงเอาจังที่ผ่านมา ทำให้ปัญหาฝุ่นควันและปริมาณคนป่วยจากฝุ่นพิษ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น จุด Hot spot และพื้นที่เผาไหม้ลดลงจากปี 2566 คิดเป็นร้อยละ 50% และแนวโน้มสถานการณ์ปี 2568 จึงมีแนวโน้มไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับปี 2566
ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ได้กล่าวในตอนหนึ่งของแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 3 เดือน (90 วัน) เกี่ยวกับการจัดการปัญหาฝุ่น โดยประกาศ KPI ของรัฐบาล ว่า ฝุ่น PM 2.5 จะต้องมีปัญหาน้อยลงในทุกปี ทั้งในแง่ปริมาณฝุ่นและจำนวนประชาชนที่ป่วยจากฝุ่น ต้องลดลง
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 นางสาวแพรทองธาร ยังโพสต์ข้อความทางเอ็กซ์ว่า เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล ดิฉันจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนี้
-
ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน ให้เจ้าหน้าที่และพนักงานสามารถทำงานแบบ WFH เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และได้สั่งการไปทางกระทรวงคมนาคมให้สนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ ภายใต้กำกับของรัฐเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์
-
ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นมากเพียงพอ ขอให้ปฏิบัติการฝนเทียมเจาะช่องบรรยากาศทั่วกรุงเทพฯ
-
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากพบเห็นการเผา ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
-
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดตั้งแอปพลิเคชันสำหรับรับแจ้งเหตุการเผา ให้พี่น้องประชาชนสามารถรายงานจุดที่เกิดการเผาได้อย่างรวดเร็วและเร่งแก้ปัญหาที่พบในทันที
-
ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้กวดขันไซต์ก่อสร้างที่ไม่คลุมผ้าป้องกันฝุ่นตามกฏหมายโดยเคร่งครัด และช่วงอากาศปิด ขอความร่วมมือให้เลื่อนการก่อสร้างที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองออกไปก่อน
-
ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่าน กวดขันรถควันดำโดยเคร่งครัด
รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างเต็มที่ โดยมีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว และจะเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 'สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5' กระทรวงต่างๆ และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้มีมาตรการเพื่อสอดรับ ดังนี้
ขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี 7 วัน
การกระทรวงคมนาคม มอบหมายหน่วยงานในสังกัดดูแลบริหารจัดการ ด้านโครงข่ายคมนาคม เพื่อลดปัญหา PM2.5 ดังนี้
-
รถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68 ได้สั่งการให้องค์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในสังกัดของกระทรวงคมนาคมให้บริการฟรี ทุกเส้นทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เจรจากับผู้ประกอบการที่ให้บริการประชาชน ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้ใช้รถไฟฟ้าฟรีทุกสายในระยะ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68 รายได้ของทางเอกชนที่สูญเสียไป ทางรัฐบาลจะชดเชยตามค่าเฉลี่ย 7 วัน รวมประมาณ 140 ล้านบาท โดยมาจากงบกลาง
-
เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จึงให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้ประชาชนใช้บริการรถเมล์ฟรีทุกสาย ในระยะเวลา 7 วันเช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68
-
ให้หน่วนงาน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในกรุงเทพฯ จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณหน้าฟิวเจอพาร์ครังสิต 2.ท่าเรือคลองเตย 3.หน้าสวนจตุจักร ถ.พหลโยธิน 4. ถ.บางนา-ตราด กม.1 5. ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการประปามีนบุรี 6. ถ.พระรามสอง ขาออก หน้าแขวงการทางบางขุนเทียน 7. ถ.รังสิต-นครนายก กม.4 หน้าโลตัส 8. ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า-ออก โดยหลังจากนี้ จะให้เจ้าพนักงานกระจายตามจุดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าควบคุมมลภาวะทางรถยนต์ให้ได้มากที่สุด
-
ให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่าง ๆ เข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันที เบื้องต้นให้ผู้รับเหมาฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาดล้อรถที่เข้า–ออกพื้นที่ก่อสร้าง กวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง ปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย และจัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาเด็ดขาด
ห้ามเผาถึง 31 พ.ค. 68
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขปัญหา PM2.5 ผ่านมาตรการเชิงรุก “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” ได้กำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วม ผ่านการตรวจเช็กประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.–31 พ.ค. 68 ด้วยการเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลของเกษตรที่ทำการเผาในพื้นที่การเกษตร พร้อมด้วยการบูรณาการประสานการขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการหมู่บ้านให้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเผาพื้นที่อีกขั้นหนึ่ง หากพบว่าเกษตรกรที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อตรวจสอบแล้วมีประวัติการเผาพื้นที่การเกษตร ให้ถือว่าขาดคุณสมบัติ ไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการฯ นับตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2568–31 พ.ค. 2570
กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดตาม และตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จาก GISTDA พบว่าสถานการณ์การเผาในพื้นที่การเกษตรในขณะนี้ พบจุดความร้อนมีหลายพื้นที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลขอย้ำให้งดวิธีการเผา ซึ่งเป็นการกระทำที่มีความผิด เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้อย่างเด็ดขาด ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการเป็นการปลูกพืช ให้เป็นไปในรูปแบบที่ไม่ต้องมีการเผา ปลูกพืชทดแทนจากพืชล้มลุก เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น กาแฟ มะคาเดเมีย อะโวคาโด มะม่วง หรือไม้ยืนต้นที่ไม่โตเร็ว จะสามารถเป็นส่วนช่วยในการเก็บกักคาร์บอนได้ดี หรือการปลูกพืชทดแทนพื้นที่นาปรัง เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
ให้ Work From Home ถือเป็นวันทำงานปกติ
ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทำงานที่บ้าน (Work from Home : WFH) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ให้ความร่วมมือเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานยืนยันว่า การทำงานแบบ Work from Home ให้ถือว่าเป็นวันทำงานปกติตามกฎหมายแรงงาน โดยที่นายจ้างไม่สามารถนำไปนับเป็นวันลา วันหยุด หรือขาดงานไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2566 ในมาตรา 23/1 ที่ได้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป
สธ. ปรับ 5 มาตรการด้านสาธารณสุข รับ PM2.5
กระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศเข้ม 5 มาตรการ ได้แก่
-
เตรียมพร้อมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จากกรณี PM2.5 โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และประจวบคีรีขันธ์ ในสำนักงานเขตสุขภาพที่ 2 และ 4 รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
-
เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ โดยส่วนกลางเปิดศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 เผยแพร่ความรู้สุขภาพเป็นประจำ ในพื้นที่มอบหมายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. เผยแพร่ข่าวสาร แนวทางปฏิบัติในการป้องกันตัวเองแก่ประชาชน รวมถึงสอบถามผ่านสายด่วนกรมอนามัย 1478 และสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
-
จัด “ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ” ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม รวม 178,773 ราย ประกอบด้วย เด็กเล็ก 29,982 ราย ผู้สูงอายุ 137,622 ราย หญิงตั้งครรภ์ 2,305 ราย ผู้มีโรคหัวใจ 3,857 ราย และผู้มีระบบทางเดินหายใจ 5,007 ราย
-
จัดบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเตรียมเสนอมาตรการ Work Form Home และงดกิจกรรมกลางแจ้งของประชาชน รวมทั้งจัดบริการคลินิกมลพิษ คลินิกมลพิษออนไลน์ เปิดระบบนัดหมายล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม จัดห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กและโรงเรียน อาคารสำนักงาน และสถานประกอบการภาคเอกชน รวม 5,517 ห้องทั่วประเทศ รองรับกลุ่มเสี่ยงได้ 964,433 ราย สนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่น 1,340 ชุด ใน 35 จังหวัดเสี่ยงสูง และเตรียมกระจายให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่เสี่ยงสูง 37,569 ราย ในเขตสุขภาพ ที่ 1, 2, 3, 4, และ 8
-
สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 180,900 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 1,096,700 ชิ้น โดยหน่วยงานในพื้นที่สำรองหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 6,887,938 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 601,412 ชิ้น เพียงพอสำหรับใช้ต่อเนื่องได้ 2 เดือน และยังสามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับหน่วยบริการสาธารณสุข องค์กร หรือกลุ่มประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
กทม.สั่งปิด รร.-จำกัดโซนวิ่งรถบรรทุก
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 กล่าวว่า เรื่องการเผายังเป็นปัญหาที่หนักโดยเฉพาะจากพื้นที่รอบนอก เมื่อมีลมพัดพาฝุ่นเข้ามาเมื่อเจอตึกสูงใน กทม. ก็ชะลอความเร็วลงทำให้ฝุ่นเก็บกักอยู่ในเมือง สำหรับมาตรการ Low Emission Zone (LEZ) จำกัดโซนการวิ่งรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ลงทะเบียนสีเขียว ห้ามเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ 9 เขต และแนวถนนผ่าน 13 เขต ที่เริ่มบังคับใช้ไปแล้ว หากฝ่าฝืน ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการสืบได้ว่ารถคันนี้ไปให้บริการที่ไซต์งานไหน ก็จะตามไปที่ไซต์งานนั้นเพื่อตักเตือนและอนาคตอาจจะให้หยุดการก่อสร้าง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดมลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยนำรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้ากระบวนการบำรุงรักษา เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง จากนั้นกรอกข้อมูลพร้อมแนบหลักฐานการเข้ากระบวนการบำรุงรักษา อาทิ ใบเสร็จ ทาง Google Form “แบบฟอร์มบัญชีสีเขียว” ที่ https://u.bangkok.go.th/GreenList เพื่อขอยกเว้นมาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพฯ
สำหรับการสั่งปิดโรงเรียนสังกัด กทม. ปิดแล้วรวม 352 แห่ง (24 ม.ค. 2568) คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น ระหว่าง วันที่ 25-26 ม.ค.25 68 การระบายอากาศยังคงตัวและจะดีขึ้นในวันที่ 27-28 ม.ค. 2568
นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นรุนแรงในสัปดาห์นี้ ด้วยการใช้เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำ และโปรยน้ำแข็งแห้ง โดยแผนปฏิบัติการของกรมฝนหลวงฯ จะทำการบินทุกวันในช่วงเช้าตั้งแต่ 10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.00 น. ใช้เวลาบินประมาณ 20-30 นาที และนับเป็นปีแรกที่ใช้ทำฝนหลวงช่วย
ชง ครม.อนุมัติ 'ฝุ่น PM 2.5' เป็นวาระแห่งชาติ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันพรุ่งนี้ (28 มกราคม 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องการแก้ไขปัญหา ฝุ่น หมอกควัน PM2.5 เพิ่มเติมในแต่ละกระทรวง และจะหารือกับรัฐมนตรีเพื่อรับทราบรายงาน และข้อสรุป รวมทั้งแนวทางปฏิบัติของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาฝุ่นละออง ในช่วงต้นของการประชุม ครม.
จากนั้นในวันที่ 29 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรม.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) ได้เชิญคณะกรรมการชุดใหญ่โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ปรึกษา เข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดแนวทาง เพิ่มเติมในการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงจากฝุ่นควันดังกล่าว และรับฟังการเตรียมความพร้อมรับมือในสถานการณ์อื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในการประชุมครม. จะเน้นประเมินข้อสั่งการที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และการกำหนดแนวทาง เพื่อสั่งการและรายงานผลการดำเนินงานในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก จากกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) กรมอุตุนิยมวิทยา
นายจิรายุ กล่าวว่า ที่ประชุมพรุ่งนี้ยังให้ความสำคัญในการบริหารจัดการไฟ ในพื้นที่ป่าของ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และส่วนการบริหารจัดการไฟในพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะรายงานผลการดำเนินงานและแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ส่วนการจัดการฝุ่นละอองในเขตเมือง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยรายงานการดำเนินการและผลของการปฏิบัติ รวมไปถึงการยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กอีกด้วย
สำหรับในส่วนภูมิภาค คณะกรรมการ ปภ.ช.จะพิจารณาและดำเนินการแก้ปัญหาไฟป่าในจังหวัดที่มีการเผาป่าและหมอกควันสูง อาทิจังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนครราชสีมา และ จังหวัดอื่น ๆ ส่วนจังหวัดที่มีผลสำเร็จในการแก้ปัญหา อาทิ จังหวัด เชียงใหม่ ก็จะให้รายงานผลการปฏิบัติ เพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ไขต่อไป
ทั้งหมดนี้ คือมาตราการที่รัฐบาลประกาศเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามต่อไปว่า จะมีการแก้ไขในระยะยาวอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาซ้ำซากที่วนกลับมากระทบประชาชนในทุกปี