พรรคเพื่อไทยจัดเสวนา 'ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ประยุทธ์ต้องพอเถอะ' ผู้เข้าร่วมเสวนาชี้ไม่ควรเป็นนายกอีก อย่าพยายามแก้คุณสมบัติและอำนาจของ ส.ว. เชื่อถ้าทำสำเร็จงูเห่าเต็มสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานเสวนา 'ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ประยุทธ์ต้องพอเถอะ' มีรายละเอียดดังนี้
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวในงานเสวนา 'ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ประยุทธ์ต้องพอเถอะ' ที่พรรคเพื่อไทย ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศตัวเองเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติและหวังสืบทอดอำนาจดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ แต่พลเอกประยุทธ์ ควรหยุดได้แล้ว เนื่องจาก
1. ที่มาของพลเอกประยุทธ์ มาจากการยึดอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนยึดอำนาจคือกบฏ และจากนั้นก็นิรโทษกรรมตนเอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้การยึดอำนาจเป็นความผิดไม่มีอายุความ
2. พลเอกประยุทธ์ แต่งตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งองคาพยพ เป็นสภานิติบัญญัติ ออกกฎหมายมาตรา 44 ตั้งสภาปฏิรูปประเทศ และตั้งวุฒิสมาชิกมีอำนาจมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทย ขอเสนอแก้ รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อไม่ให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังทราบว่านอกจาก ส.ว.จะแก้รัฐธรรมนูญเสนอปลดล็อกนายกรัฐมนตรี 8 ปีแล้ว ยังจะเสนอแก้คุณสมบัติ ส.ว.หลังพ้นตำแหน่งให้ลงสมัคร ส.ส.ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเว้นว่าง 2 ปี ด้วย
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก่อนที่พลเอกประยุทธ์ อยากจะอยู่ต่อ อยากให้พลเอกประยุทธ์พิจารณาและมองเห็นถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ได้แก่
1. ข้อกฎหมาย พลเอกประยุทธ์ ต้องหยุดหรือไม่ เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องไม่เกิน 8 ปี ซึ่งข้อเท็จจริง เหลืออีกแค่ 2 ปี คือปี 2568 เท่านั้น
2. สามัญสำนึก วันนี้พลเอกประยุทธ์ จะมาเปลี่ยนบรรทัดฐานใหม่ สร้างมรดกทางความคิดที่เลวร้ายให้ลูกหลาน
3. ความเคารพต่อความรู้สึกประชาชน พลเอกประยุทธ์ต้องดูว่าปฏิกิริยาสังคม โพล ต่างๆ มีต่อตนเองอย่างไร ซึ่งตนไม่เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่รู้ว่าประชาชนเกลียดตัวเอง
4. สำนึกในความรับผิดชอบต่อประเทศ หากพลเอกประยุทธ์จะอยู่ต่อ ท่ามกลางภาพอนาคตที่จะแย่ลงกว่าวันนี้ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
5. ธรรมะ โลกนี้ต้องมีความพอดี เช่นเดียวกับพลเอกประยุทธ์ต้องมีเวลาที่รู้จักพอ
“อย่าทำเพื่อสนองกิเลสตัวเองอีกเลย ตอนนี้ประเทศจมดิ่งลงในโคลนแล้ว ในการอภิปรายตามมาตรา 152 ความจริงของพลเอกประยุทธ์จะต้องเปิดเผย เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านและประชาชน สุดท้ายจะยุบสภาหนีอภิปราย แล้วประชาชนจะลงโทษในการเลือกตั้ง” รองหัวหน้าพรรคกล่าว
ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจุดมุ่งหมายของในการเป็นแคนดิเคตนายกรัฐมนตรี ของพลเอกประยุทธ์คือเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปี ตามกฎหมาย แม้ความจริงจะเกินมาแล้ว ยังปรากฏหลักฐานกันสมรู้ร่วมคิดกับวุฒิสมาชิก ตั้งใจปลดล็อกให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงมีประเด็นที่ควรกังวลคือ
1. พลเอกประยุทธ์ จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่น ก็ได้เสียงเกินครึ่งในสภา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะมีงูเห่าเต็มสภา เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้
2. หากมีความต้องการแก้รัฐธรรมนูญ สมมติว่าพรรคเพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่คะแนนเกินครึ่ง ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องได้เสียง 20% ของฝ่ายค้าน ถึงเวลานั้น จะเกิดงูเห่าเต็มสภา เพราะรัฐบาลไม่มีสเถียรภาพ และประชาชนไม่มีโอกาสยับยั้งได้
“ก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้ ส.ว.ร่วมปิดสวิตซ์ตัวเอง เพื่อให้เลือกตั้งมีผลสะท้อนความต้องการประชาชนจริงๆ และเพื่อไม่ให้พลเอกประยุทธ์ได้เสียงเพียงพอเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป” อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าว
หมายเหตุ : ที่มาภาพปกและภาพจากเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย