ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมเครือข่ายทัวร์ทิพย์ หลอกขายแพคเกจทัวร์ต่างประเทศ ราคาสุดถูก เสียหายกว่า 27 ล้านบาท เบื้องต้นมีผู้เสียหายรวม 27 ราย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 มิ.ย. 2566 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พลตำรวจตรีศรัญญู ชำนาญราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พลตำรวจตรีกฤษณ์ วาฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 และ พันตำรวจเอกศิริชัย สุขศาตต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาราชการ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี และผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน ด้วยการหลอกซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ ผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย นายสุมนตรี สอนนอง ,นางสาวภานุดา เทพชุม ,นายกอบศักดิ์ เพ็ญสวัสดิ์ และ นางวงจันทร์ เพ็ญสวัสดิ์ และนายหน้าที่ถูกจับกุมเพิ่มอีก 2 คน ในความผิด ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนโดยเป็นการ กระทำต่อประชาชน
พลตำรวจตรีศรัญญู เปิดเผยว่า ได้มีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ สภ.กาญจนดิษฐ์ รวม 27 ราย ได้ซื้อแพคเกตท่องเที่ยวต่างประเทศจากบริษัท พีที อินฟินิตี้ทัวร์ จำกัด ที่ได้อ้างว่าให้บริการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยบริษัทได้เก็บเงินค่าใช้จ่ายการการท่องเที่ยวจากลูกทัวร์นักท่องเที่ยว โดยมีผู้เสียหายบางส่วนได้รับการติดต่อชักชวนจากคนรู้จักและจากหน้าเพจของบริษัทฯ ว่าทางบริษัทฯได้มีการจัดแพคเกจกรุ๊ปทัวร์ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศโซนต่าง ๆ หลายประเทศในราคาถูก โดยอ้างว่า ได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จนผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตัดสินใจซื้อแพคเกจทัวร์ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดเดินทางตามแพคเกจทัวร์ที่ผู้เสียหายซื้อก็ไม่สามารถเดินทางไปได้ เกิดความเสียหายโดยรวมประมาณ 27 ล้านบาทเศษ และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายร้องทุกข์ไว้ในท้องที่อื่นอีกหลายท้องที่ รวมถึง ผู้ที่ซื้อทัวร์ไว้แต่ยังไม่ถึงกำหนดเดินทาง แต่จะขอยกเลิกหลังทราบข่าว เพื่อขอคืนเงิน ซึ่งส่วนนี้อยู่ที่การตกลงของบริษัทกับ ลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวน เพื่อขอหมายค้นบริษัทดังกล่าว เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน ตลอดจน ตรวจสอบจำนวนผู้เสียหายที่แท้จริง ซึ่งเชื่อได้ว่า มีอีกหลายราย ซึ่งตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามเงินคืนให้แก่ประชาชนผู้เสียหายให้มากที่สุด ด้านพลตำรวจตรีกฤษณ์ วาฤทธิ์ ระบุว่า จากการตรวจสอบ บริษัททัวร์ดังกล่าว มีการจดทะเบียนและมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่พบความผิดเพียงการไม่ติดแสดงใบอนุญาตให้เห็นชัดเจนเท่านั้น ส่วนกรณีข้อหาฉ้อโกงฯ ก็อยู่ในขั้นตอนของการร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินคดี และหากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ และที่ตำรวจท่องเที่ยว
โดยกรณีนี้ มีข้อสังเกตที่สำคัญ คือ ทางบริษัททัวร์ได้ออกแพคเกจทัวร์ ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เทียบเท่าช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งข้อเท็จจริงถือเป็นราคาไม่สามารถทำได้ เพราะต้นทุนในปัจจุบัน ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ปรับขึ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 50% และฝากถึงประชาชน ที่พบบริษัททัวร์ หรือ การโฆษณาขายทัวร์ในลักษณะที่ต้องสงสัยก็ขอให้แจ้งตำรวจท่องเที่ยวเพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนประชาชนรายอื่นไม่ให้ถูกหลอกด้วย
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความห่วงใยกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงได้กำชับให้ทุกฝ่ายเร่งสอบสวนเส้นทางการเงิน และตรวจสอบบริษัทในลักษณะเดียวกันนี้ว่ามีอีกหรือไม่เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เสียหายเพิ่มมากกว่านี้ เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งปัจจุบัน มิจฉาชีพ และอาชญากรรมออนไลน์ มีความรุนแรง และมีรูปแบบการหลอกลวงที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งทุกหน่วยงานได้เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งสิ่งสำคัญขณะนี้ คือ การสร้างการรับรู้ ถึงรูปแบบวิธีการ และ การป้องกันตัวเองของประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ แต่หากท่านใดได้รับความ เดือดร้อนจากแก๊งมิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่าง ๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากไม่สะดวกสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็ปไซต์ https://thaipoliceonline.com