เลขาฯ ป.ป.ช. เผย ส่งเกณฑ์ชี้วัดป้องกันทุจริตเชิงนโยบาย ให้กกต.นำไปตรวจสอบนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง ย้ำพรรคต้องแจงที่มาเงินทุน แผนสำรองหาเสียงที่จับต้องได้ เลี่ยงทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ประธาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือไปถึง กกต.เกี่ยวกับแนวมาตรการในการตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ที่ขณะนี้ กกต.กำลังตรวจสอบนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ต้องให้พรรคการเมืองอธิบาย ประกอบด้วยเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย โดยพรรคจะต้องอธิบายถึงแหล่งที่มาของงบประมาณที่กำหนดนโยบาย นโยบายที่ใช้หาเสียง ว่าเป็นนโยบายของไทยหรือต่างประเทศที่เคยกำหนดไว้ก่อนหรือไม่ นำตัวอย่างมาจากต่างประเทศหรือเคยมีการใช้ประกาศหาเสียงมาแล้ว ,ผลการดำเนินตามนโยบายที่เคยหาเสียงเป็นอย่างไร ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์นโยบายหาเสียงที่ได้พัฒนาขึ้นมา ,มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ผู้มีส่วนได้เสียไว้ชัดเจนหรือไม่ หรือกลุ่มเป้าหมายนั้นมีแนวโน้มได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อมจากนโยบายดังกล่าวอย่างไร และนโยบายที่พัฒนาเป็นนโยบายที่เกิดในช่วงที่พรรคมาเป็นฝ่ายบริหารของประเทศก่อนหน้านั้นและได้วางนโยบายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่
ส่วนเกณฑ์การชี้วัดผลกระทบ ความคุ้มค่า ความเป็นไปได้และความเสี่ยงของนโยบาย ความเป็นไปได้นั้น ต้องมีคณะทำงานวิเคราะห์ผลกระทบจากนโนบายทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ฐานะทางการเงินและการเงินการคลัง ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และต้องพิจารณาความคุ้มค่าเป็นไปได้ ความเสี่ยงนโยบาย การมีส่วนร่วมจากภาควิชาการ ประชาสังคม รวมถึงต้องศึกษาผลกระทบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมชุมชน การเมือง ความมั่นคงของประเทศรวมถึงความสัมพันธ์หลักของประเทศ กระทบต่อการดำเนินงานหน่วยงานเจ้าของโครงการ และจัดทำรายงานการประเมิณผลกระทบ ความคุ้มค่าความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบายรวมถึงจัดทำแผนรองรับนโยบายตามที่จำเป็น เพราะหากดำเนินโครงการแล้วเกิดผลกระทบเกิดความเสี่ยงต้องมีแผนสำรองเพื่อให้ปรับปรุงนโยบาย อีกทั้งต้องศึกษาผลกระทบกับผู้มีส่วนได้เสียจากนโยบายโดยตรง ส่วนนโยบายที่ไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณแต่มีส่งผลกระทบหรือมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อสถานะวินัยการเงินการคลัง การบริหารประเทศอย่างมีนัยยะสำคัญ จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างละเอียด และจะต้องเผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารณะและเปิดรับฟังความคิดเห็นรวมถึงตอบข้อซักถามด้วย
นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ชี้วัดแนวนโยบายเจตจำนงทางการเมืองของพรรคในการต่อต้านทุจริตคอรัปชัน ซึ่งพรรคจะต้องแนวนโยบายที่แสดงออกเจตจำนงทางการเมืองอย่างชัดเจน ปัจจุบันไม่ค่อยพบในการหาเสียง ส่วนใหญ่จะพบนโยบายประชานิยม ลดแลก แจกแถมให้ แต่ไม่มีแผนปรับปรุงแก้ไขปัญหาการทุจริต วิธีการ รวมถึงความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ส่วนราชการ และระบุแผนการต่อต้านการทุจรติอย่างชัดเจน งบประมาณ กระบวนการวิเคราะห์การทุจริต แนวทางหรือการสนับสนุนการป้องกันการทุจริต รวมสร้างความเข้มแข็งการบริหารราชการแผ่นดิน เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ขณะที่เกณฑ์ชี้วัดความโปร่งใสในการพัฒนานโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งจะต้องมีการเปิดโอกาสให้ประชาชนในการจัดทำนโยบาย จัดทำร่างแผนพัฒนานโยบายที่จับต้องได้ มีข้อมูลเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องจัดจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งกลับไปให้ กกต.ตรวจสอบ วิเคราะห์นโยบาย ก่อนเผยแพร่รับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะชน เพื่อเป็นการยืนยันว่านโยบายที่ใช้ในการหาเสียงจับต้องได้ เป็นรูปธรรม มีที่มาของแหล่งเงินทุนรวมถึงแผนรองรับ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายลดแลก แจกแถม จะสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตหรือไม่ หรืออาจจะนำนโยบายไปฉกฉวยหาผลประโยชน์อย่างไร เชื่อว่าจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายหรือป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
นายนิวัติไชย ยังแสดงความห่วงใยนโยบายในการหาเสียงโดยเฉพาะแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการจัดทำนโยบาย วงเงินที่จะใช้และจะหาเงินมาจากไหน เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราภาษีที่จัดเก็บได้ จึงอยากให้รับฟังความคิดเห็นของนักวิชาการ นักเศรษฐกิจ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลังที่ระบุในกฎหมายต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง มีเงินสำรอง ไม่สามารถใช้เงินทุนสำรองไปใช้จ่ายเกินกรอบ เพราะทุกวันนี้ยังมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ จึงอยากฝากทั้งนักการเมืองและประชาชน ช่วยกันติดตามสอดส่องนโยบายของพรรค อย่างมองแค่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ
“ขออย่ามองว่าเขาให้ร้อยบาท แต่สุดท้ายเราต้องเสียเพิ่มหนึ่งหมื่นบาท ไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้รับ ประเทศชาติที่เสียหาย มันก็มีผลกระทบต่อท่านในอนาคต วันนี้ท่านอาจจะได้ แต่วันหน้าท่านอาจจะเสียมากกว่านี้ ประชาชนเองต้องช่วยกัน การทุจริตคอรัปชันจะโทษใครไม่ได้ วันนี้เป็นหน้าที่ท่านที่จะต้องเลือกคนดีเข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้าจะโทษ ป.ป.ช.ไม่ได้ว่าคนนี้เลือกเข้ามาแล้วทุจริต เป็นหน้าที่ ป.ป.ช. ต้องลงไปปราบปราม ไม่ได้ ถ้าจะโทษต้องโทษท่านที่เลือกเข้ามา เพราะฉะนั้นก่อนเลือก คิด วิเคราะห์ให้ดีๆก่อน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ได้รับเล็กๆน้อยๆ” นายนิวัติไชย ระบุ