โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ปลื้มข้อมูล 'ศูนย์ข่าวสีเขียว' เผยไทยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 14,969.02 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 1,663 ต้น ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2565 นายอนุชา บรูพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานประเมินปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ณ พื้นที่ 'ศูนย์ข่าวสีเขียว' ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ย. 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ เน้นความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญญาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะที่เกี่ยวโยงกับภาวะโลกร้อน โดยรายงานระบุว่า เมื่อประเมินปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่บริเวณ 'ศูนย์ข่าวสีเขียว' ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ย. 2565 พบว่า ไทยสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 14,969.02 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่ากับ การดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ถึง 1,663 ต้น ต่อปี
“รัฐบาลต้องการให้การจัดการประชุมครั้งนี้เป็น showcase ส่งข้อความถึงโลกว่าปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดเพียงหนึ่งประเทศ แต่เป็นปัญหาสังคมของโลก และเราจะบรรเทาปัญหานี้ได้หากทุกประเทศทุกเขตเศรษฐกิจในโลกร่วมมือกัน”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดประชุมเอเปคในปีนี้ ได้ผลักดันการตระหนักรู้เกี่ยวกับ โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model) เพื่อความยั่งยืนมาตลอดการเตรียมการจัดการ และประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้จะรวมอยู่ใน Bangkok Goals on BCG Economy ซึ่งมี 4 เป้าหมาย
1.การจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเป็นกลางทางคาร์บอน
2.การค้าการลงทุน ส่งเสริมการลงทุนภาคสีเขียว
3.การจัดทรัพยากรที่ยั่งยืน และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
4.การบริหารจัดการขยะ
“นายกฯ ตระหนักถึง ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ และทราบในหลักการว่าไม่มีประเทศไหนต่อสู้กับความท้าทายเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เพียงลำพัง การพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีต้องควบคู่ไปกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ไทยจึงมุ่งหวังว่า Bangkok Goals on BCG Economy “เป้าหมายกรุงเทพฯ เรื่องเศรษฐกิจ BCG” จะเป็นเข็มทิศให้กับการทำการค้าการลงทุนระหว่างกันของ 21 เขตเศรษฐกิจที่เป็นสมาชิกเอเปคนับจากนี้ไป และจะมีการรับรองในปลายสัปดาห์นี้” นายอนุชาฯกล่าว