'ตรีนุช' ลั่น ศธ. พร้อมสอบ ม.1 และ ม.4 จัดห้องให้นักเรียนติดโควิดเฉพาะ ย้ำ สพท.จับมือทุกหน่วยงานดันโรงเรียนคุณภาพ ดึงเด็กตกหล่นกลับเข้าเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย ผู้บริหารศธ. เปิดงาน Kick-off สถานศึกษาปลอดภัย เพื่อสร้างการรับรู้การเข้าถึงระบบมาตรฐานความปลอดภัยในสถานศึกษา หรือ SAFE สถานศึกษาปลอดภัย สัญจร ที่โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงการสอบเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 ปีการศึกษา 2565 ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีการสอบห้องเรียนพิเศษ ชั้นม.1 วันที่ 6 มีนาคม และชั้น ม.4 วันที่ 7 มี.ค. ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศธ.ได้มีมาตรการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จัดทำมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และเพื่อให้เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย หรืออยู่ในระดับสีเขียวสามารถเข้าสอบได้ ไม่เสียโอกาสและเข้าถึงการสอบให้ได้มากที่สุด
ส่วนการเตรีมความพร้อมสอบเข้าม. 1 และม.4 รอบทั่วไปนั้น ซึ่งจะรับสมัคร วันที่ 9-13 มี.ค. ม.1 สอบวันที่ 26 มี.ค. ม.4 สอบวันที่ 27 มี.ค. นั้น ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปตามแผน คือมุ่งเน้นไม่ให้เด็กเสียโอกาสในการสอบ และต้องอยู่ให้ได้ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ยังพบผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตพื้นที่ฯในจังหวัดสุราษฎร์ เพื่อติดตามการดําเนินงานตามนโยบายโครงการโรงเรียนคุณภาพของชุมชนและโครงการพาน้องกลับมาเรียน เนื่องจากมีกำหนดเวลาเปิดภาคเรียนและการดูแลเด็กตกหล่นไว้แล้ว ซึ่งได้ทราบว่ามีการทำงานเชื่อมโยงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีการสำรวจครอบครัวยากจน จะทำให้ทราบจำนวนนักเรียนที่ขาดโอกาส และหลุดอกจากนอกระบบเพื่อนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้เร็วยิ่งขึ้น ตนได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน
ทั้งนี้ ศธ. ได้มอบหมายให้ผู้บริหารในส่วนภูมิภาคจัดทำแผนดำเนินการโรงเรียนคุณภาพของชุมชน ซึ่งแต่ละพื้นที่อาจมีความแตกต่างกัน เพื่อเตรียมอัตรากำลังรองรับให้สอดคล้อง รวมถึงการเตรียมผู้บริหาร ที่ได้มีการมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไปดูหลักเกณฑ์ เพื่อให้สามารถคัดเลือกผู้บริหารโรงเรียนที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
น.ส.ตรีนุช ยังกล่าเสริมด้วยว่า โครงการสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา หรือ MOE SAFETY CENTER ตน และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญเป็นระดับนโยบาย ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้พยายามหาช่องทางต่างๆ ในการที่จะให้ ครู ผู้ปกครอง นักเรียน และประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือ แอปพลิเคชัน MOE SAFETY CENTER อีกทั้งยังมีช่องทางคอลเซนเตอร์ด้วย
“ตอนนี้ เรามีให้ 4 ช่องทางแอปพลเคชัน MOE Safety Center , www.MOESafetyCenter.com , LINE @MOESafetyCenter หรือที่คอลเซนเตอร์ 0-2126-6565 ที่ ผู้ปกครอง ประชาชนทั่วไป นักเรียน หรือครู สามารถเข้าถึงได้” น.ส.ตรีนุช กล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า ขณะนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าว มีปัญหาร้องเรียนเข้ามาแล้วพันกว่าราย ซึ่งอยู่ระหว่างการแยกประเภทปัญหา เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่า ในแต่ละปัญหาจะมีขั้นตอนในการแก้ไขอย่างไร
นอกจากนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้จัดให้มีฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการและการใช้แอปพลิเคชันให้แก่คุณครู เพื่อที่จะให้คุณครูมีความเข้าใจ และสามารถที่จะดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆ ได้เพื่อที่จะทำให้กระบวนการแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความฉับไวและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ขณะนี้ ยอมรับว่า แม้เราจะพบปัญหาอุปสรรคอยู่บ้างก็ตาม แต่เราก็ได้พยายามแก้ไขและปรับปรุงมาโดยตลอด เพื่อที่จะให้การใช้งานของแอปพลิเคชันดังกล่าว สามารถตอบสนอง และตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาการร้องเรียนได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ดิฉันขอเชิญชวนนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MOE Safety Center เพื่อเป็นช่องทางในการแจ้งเหตุ และร่วมเป็นสายตรวจเฝ้าระวังความเสี่ยง และภัยที่อาจเกิดขึ้นกับลูก หลาน ซึ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กและเยาวชนได้อย่างแท้จริง” น.ส.ตรีนุช กล่าว
ขณะเดียวกัน น.ส.ตรีนุช ยังกล่าวชื่นชม นายภรัณยู โรจนาวุฒิธรรม หรือ แทค ดารานักแสดงที่มาเข้าร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย เพราะเป็นบุคคลที่เคยผ่านประสบการณ์ในช่วงวัยเรียนมา ซึ่งสามารถนำมาแลกเปลี่ยนให้กับน้องๆ และสร้างการตระหนักรู้ร่วมกัน
ด้านนายภรัณยู กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีมาก ที่มีแอปพลิเคชันนี้ในมือถือ เนื่องจากเด็กในสมัยนี้ เข้าถึงแอปพลิเคชันได้ง่าย เพราะหากมีแอปพลิเคชันนี้แล้ว เวลาเราโดนกระทำอะไร เราสามารถแจ้งเรื่องไปได้ ข้อดีคือ สร้างความรู้สึกปลอดภัยเวลาเดินทางไปโรงเรียน หรือไปที่ไหนก็ตาม
“แอปพลอเคชันนี้ ถือว่าตอบโจทย์ในยุคสมัยนี้มาก เพราะเมื่อก่อนหากเกิดปัญหาอะไร เราก็ต้องเดินไปฟ้องครู แต่ตอนนี้ หากเราพบเหตุผิดปกติอะไร เราก็สามารถแจ้งครูได้โดยไม่ต้องบอกตัวตนเรา” นายภรัณยู กล่าว